วินาศสันตะโร ฝนหลงฤดูทำถนนลื่นเบรกไม่อยู่ ชนท้ายเรียงกันยาวเหยียด 15 คันรวด

วินาศสันตะโร ฝนหลงฤดูทำถนนลื่นเบรกไม่อยู่ ชนท้ายเรียงกันยาวเหยียด 15 คันรวด

วินาศสันตะโร ฝนหลงฤดูทำถนนลื่นเบรกไม่อยู่ ชนท้ายเรียงกันยาวเหยียด 15 คันรวด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฝนหลงฤดูทำถนนลื่นเบรกไม่อยู่ ชนท้ายเรียงกันยาวเหยียด 15 คันรวด และมีอุบัติเหตุช่วงเวลาเดียวกันอีก 2 จุด

(9 ก.พ.64) เวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบนถนนสาย 304 เส้นทางฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ช่วงตอนส่วนขยายใหม่ระยะ 5.5 กม. จากสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 อ.เมืองฉะเชิงเทรา ไปยังบ้านหัวสวน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างต่อเนื่องจำนวน 3 เหตุการณ์ตลอดเส้นทาง โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่บริเวณใต้สะพานรถไฟ หน้าปากทางเข้าวัดทดราษฎร์เจริญมณีฤทธิ์ มีรถกระบะพุ่งตกลงไปยังคูข้างทาง หลังจากมีฝนหลงฤดูตกลงมาอย่างแรงเพียงชั่วขณะ

ส่วนจุดที่ 2 เลยจากจุดแรกมาอีกประมาณ 1.5 กม. มีรถยนต์บรรทุกขนาด 6 ล้อแบบตู้ทึบลื่นไถลพุ่งตกลงไปยังภายในคูน้ำร่องกลางถนน โดยทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 07.40 น. แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนจุดที่ 3 เป็นอุบัติเหตุหมู่ที่เกิดขึ้นบนสะพานระหว่างรอยต่อของพื้นที่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา และ อ.บางคล้า พื้นที่ ม.9 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีรถยนต์หลายชนิด ขับมาประสบอุบัติเหตุจากพื้นผิวถนนลื่น ทำให้ตัวรถหมุนสะบัดไปกระแทกกันเอง ระหว่างรถที่กำลังใช้เส้นทางขับมาพร้อมกันในแต่ละช่องทางการจราจร

จนทำให้ผู้ใช้รถ ที่ขับขี่ยานพาหนะตามหลังกันมาพากันเหยียบเบรก และพุ่งชนท้ายกันแบบเรียงแถวเป็นจำนวนมากถึง 15 คัน โดยมีทั้งรถยนต์กระบะ รถบรรทุก 6 ล้อแบบตู้ทึบ รถรถบรรทุก 10 ล้อ และรถยนต์เก๋ง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์กระบะชาย 1 ราย และผู้ที่นั่งมาบนเบาะด้านซ้ายด้วยกันเป็นหญิง 1 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจากตู้ยามลิงค์ทางหลวงพนมสารคาม มาทำการปิดกั้นการจราจร และบังคับรถให้ออกไปใช้ทางเบี่ยงคู่ขนาน

นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายกองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า ออกมาช่วยเหลือประชาชนผู้ที่มาประสบอุบัติเหตุ และช่วยเคลียร์ทำความสะอาดพื้นผิวการจราจรในที่เกิดเหตุ ร่วมกับเจ้าหน้าที่แขวงการทางฉะเชิงเทรา และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ซึ่งมีเศษซากของยานพาหนะตกกระจัดกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณ รวมระยะทางกว่า 1 กม. ตามเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุแบบต่อเนื่อง

โดย ด.ต.จำลอง จะเชิญรัมย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจำตู้ยามลิงค์ทางหลวงพนมสารคาม สังกัด สทล.1 กองกำกับการ 3 บางปะกง กล่าวว่า เส้นทางสายนี้โดยเฉพาะตรงบริเวณนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นซ้ำซาก หรือมีออุบัติเหตุเกิดขึ้นในทุกๆ ครั้ง ที่มีฝนตกลงมา สาเหตุน่าจะเกิดจากพื้นผิวของถนนลื่นเป็นมันมาก ที่ผ่านมาได้เคยแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทราบแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นผิวการจราจรที่ลื่นไถลในขณะฝนตกได้ โดยยังคงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นซ้ำซากอยู่ตลอดเวลาเป็นระยะหรือในทุกๆ ครั้งที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ 

ขณะที่ นายปรีชา อ่อนทอง อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา กล่าวว่า อุบัติเหตุยังคงมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากช่วงฤดูฝนเมื่อปีที่แล้ว 2563 มาตลอดทั้งปีที่ผ่านมา หลังจากเส้นทางส่วนขยายใหม่สายนี้สร้างแล้วเสร็จมาเมื่อปลายปี 2562 ได้ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในทุกๆ ครั้งที่มีฝนตกลงมา ทำให้ทรัพย์สินของทางราชการและยานพาหนะของประชาชนผู้ใช้เส้นทางเสียหายเป็นจำนวนมาก 

ขณะที่ นายกฤษดา รุ่งเจริญสิริกุล อายุ 52 ปี ผู้ที่ขับรถมาประสบอุบัติเหตุ เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะที่กำลังเริ่มมีฝนตก ตนขับรถยนต์กระบะมาจากบ้านพักในเขตพื้นที่ ต.หนองแหน เพื่อที่จะไปทำงานรับเหมาก่อสร้างในเขตพื้นที่ ต.บางขวัญ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา บนช่องทางด้านขวาสุด แต่ได้มีรถยนต์กระบะของคู่กรณีซึ่งได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คน ขับมาเสียหลักลื่นทำให้ตัวรถหมุนเข้ามาชนกระแทกเข้ากับรถคันของตน จนทำให้รถพังเสียหายยับเยินดังกล่าว

ด้านนายไพบูลย์ มาราช อายุ 43 ปี คนขับรถบัสรับส่งพนักงาน ของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ กล่าวว่า หลังจากเมื่อช่วงเช้าตนได้ขับรถรับส่งพนักงานโรงงานไปเข้าทำงานแล้วเสร็จ จึงได้ขับรถบัสเปล่าออกมาถึงยังจุดเกิดเหตุ ได้เห็นว่ามีรถยนต์คันหน้าเบรก ตนเองจึงได้เหยียบเบรกตาม แต่ขณะนั้นมีฝนลงมาจึงทำให้ตัวรถลื่นไถลและเบรกไม่อยู่

ทำให้ตัวรถเสียหลักไถลไปจนเกือบตกถนน จากนั้นจึงได้มีรถเก๋งมาพุ่งเข้ามาชนด้านท้าย และตัวรถได้พุ่งเข้าไปชนเข้ากับรถยนต์กระบะ ที่พยายามจะเบรกหยุดรถที่ด้านหน้า ก่อนที่จะมีรถในเส้นทางจะเหยียบเบรกและพุ่งชนกันซ้ำอีกหลายคัน แบบซ้ำซ้อนในเส้นทางจนกลายเป็นอุบัติเหตุหมู่ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.สมศักดิ์ ศรีณรงค์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ กรณีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 3 กรณีในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงทำให้การตรวจสอบที่เกิดเหตุทำได้อย่างล่าช้า เนื่องจากมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อยานพาหนะเป็นจำนวนมาก ในแต่ละคันของผู้ใช้เส้นทาง โดยเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยกู้ภัยฯ และแขวงการทางสามารถเคลียร์เปิดเส้นทางการสัญจรได้อีกครั้งในเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook