ปารีณา โดนแล้ว! ป.ป.ช. ฟันผิดจริยธรรม กรณีรุกที่รัฐกว่า 711 ไร่ ส่งศาลถอดถอนจาก ส.ส.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็น ส.ส. แต่มีการบุกรุกที่ดินของรัฐกว่า 711 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายประมาณ 36 ล้านบาท พร้อมส่งเรื่องให้ศาลฎีกาวินิจฉัยถอดถอนออกจากตำแหน่ง
วันนี้ (10 ก.พ.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. แถลงกรณีนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกกล่าวหาว่ายึดถือ ครอบครอง และใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
โดยในปี พ.ศ. 2536-2537 คณะรัฐมนตรีมีมติให้กรมป่าไม้ส่งมอบที่ดินให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เพื่อนำไปปฏิรูปที่ดิน โดยให้เกษตรกรที่เคยทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ต้องยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินทุกปี นางสาวปารีณา และนายทวี ไกรคุปต์ บิดา เข้ายึดครองและทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2546 โดยมีแบบแสดงรายการที่ดินเพื่อชำระภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภ.บ.ท.5 ซึ่งเป็นเอกสารการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ไม่ใช่เอกสารแสดงสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน ต่อมามีการยกเลิกการเก็บภาษีบำรุงท้องที่ดังกล่าวและยกเลิก ภ.บ.ท.5 ไปแล้ว แต่นางสาวปารีณายังคงยึดถือ ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว ทำฟาร์มไก่ โดยที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองและไม่ได้ขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐ
กระทั่งในปี พ.ศ. 2562 นางสาวปารีณา เข้าปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยยังถือครองที่ดินดังกล่าวอยู่ จนถูกตรวจสอบการครองที่ดิน และ ส.ป.ก.แจ้งให้นางสาวปารีณา คืนที่ดินดังกล่าว และกรมป่าไม้ยังไปร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ให้ดำเนินคดีอาญากับนางสาวปารีณา ในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที่ 711-2-93 ไร่ คำนวณค่าเสียหายเป็นตัวเงิน จำนวนกว่า 36 ล้านบาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวปารีณา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่กระทำสิ่งที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง มีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง พร้อมให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง ส.ส. ต่อไป
ซึ่งตามขั้นตอน เมื่อ ป.ป.ช. ส่งศาลฎีกาไปแล้ว ศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ก็จะเป็นเหตุให้ ส.ส. ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เว้นแต่ศาลจะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น โดยคดีของนางสาวปารีณาจะส่งไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญ และจะเป็นมาตรฐานใหม่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ถือเป็นสำนวนแรกของ ส.ส. ที่กระทำผิดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งยังมี ส.ส.และนักการเมืองถูกยื่นฟ้องผิดจริยธรรมในลักษณะเดียวกันอีกหลายราย