แอมเนสตี้ วอนรัฐคำนึงสิทธิเสรีภาพแสดงออก หลังฝากขัง 4 ผู้ชุมนุมคดี ม.112
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลก เรียกร้องให้รัฐบาลไทยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน หลังจากแนวร่วมผู้ชุมนุม 4 คน ได้แก่ หมอลำแบงค์-ปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายอานนท์ นำภา
นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวถึงกรณีนี้ว่า
"ทางการไทยยังคงใช้อำนาจในกระบวนการยุติธรรมโดยมิชอบ เพื่อปิดปากไม่ให้บุคคลวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและปัญหาสังคม และเป็นส่วนหนึ่งในการยืนยันถึงรูปแบบการคุมขังอย่างยาวนานก่อนพิจารณาคดีของผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 ภายใต้บริบทของความมั่นคงของรัฐ"
"แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ยังคงเน้นย้ำให้ว่าการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งทางการไทยได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ อีกทั้งการใช้เสรีภาพดังกล่าวยังถูกระบุในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 อีกด้วย"
ผู้ชุมนุม 4 คนดังกล่าวไม่ได้รับการประกันตัวจากศาลเมื่อวันอังคาร (9 ก.พ.) และถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพระหว่างรอการพิจารณาคดี จนกว่าศาลจะมีคำสั่งให้ประกันตัวหรือจนกว่าคดีจะจบ ซึ่งยังไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอน
การฝากขังนี้ เกิดขึ้นหลังจาก อัยการสั่งฟ้องเมื่อช่วงก่อนหน้าของวันเดียวกันต่อทั้ง 4 คน ในข้อกล่าวหาว่าละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาอื่น จากการชุมนุม "19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร" ณ สนามหลวงเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ส่วนเพนกวินถูกสั่งฟ้องมาตรา 112 อีกหนึ่งคดีจากการชุมนุม "ม็อบเฟส" ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2563