เก๋ น้ำตาเล็ด ถอดแหวน หนึ่ง พับโครงการวิวาห์
เก๋-ชลลดา อาจจะต้องพับโครงการวิวาห์กับ หนึ่ง อัครพล ไว้ก่อน เพราะได้ลดความสัมพันธ์จากแฟนเหลือแค่เพื่อนสนิทคนพิเศษแล้ว
ทำเอามึนงงกันไปหมดเมื่อมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า ความรักความสัมพันธ์ของ นางแบบสาว เก๋-ชลลดา เมฆราตรี กับ หนึ่ง -อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ ลูกชายของ เสี่ยเจียง-สมศักดิ์ บิ๊กบอสใหญ่ค่ายสหมงคลฟิล์มฯ ที่กำลังจะลั่นระฆังวิวาห์ปีหน้า อาจจะต้องพับโครงการวิวาห์ไว้ก่อน เพราะ เก๋ กับ หนึ่ง ได้ลดความสัมพันธ์จากแฟนเหลือแค่เพื่อนสนิทคนพิเศษแล้ว เหตุเนื่องมาจากฝ่ายชายเตรียมเซอร์ไพร้สขอแต่งงานในวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมา แล้วข่าวหลุดออกมาก่อน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องของคนสองคนจึงกลายเป็นเรื่องของครอบครัวไปซะแล้ว...
ซึ่ง "เก๋" เปิดใจว่า...
"ก็ตามข่าวที่ออกมาเราต้องถอยห่างกันมาตั้งตัวกันทั้งคู่ ว่าเราเกิดความผิดพลาดอะไร ถึงข่าวไม่ดีออกมาอย่างนี้ได้ ข่าวที่ว่าจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น ถูกเลื่อน เพราะว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีการเลื่อน เรายังไม่มีการกำหนดวันเลยด้วยซ้ำ อย่างที่บอกตัวเก๋เองถูกเป็นจำเลยโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเจ้าสาวที่ถูกเลื่อนงานแต่งงาน
มันเป็นเรื่องเสียความรู้สึกมากกว่า คือเข้าใจว่าคุณหนึ่งเองก็ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเจตนาดี แต่ว่าคงไม่คาดการณ์กับจุดประสงค์ว่าผลรับจะเป็นแบบนี้ ส่วนคุณหนึ่งก็คงเสียใจมาก เพราะว่าเรื่องมันไม่เป็นเรื่องเลย คือคนเราทุก ๆ ชีวิตคู่ คนที่คบกันเขาคงจะมีปัญหาระหองระแหงทะเลาะกัน อันนี้มันเป็นนอกประเด็น มันไม่ใช่เรื่องราวของความรัก ความรู้สึก เราต้องแยกเป็นสองเรื่อง ณ วันนี้ความรักก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ว่าเรื่องงานแต่งงานเป็นปัญหาทำให้ความรักของเราเกิดปัญหาขึ้น เพราะมันหลุดออกมาก่อน ณ วันนี้คือไม่เข้าใจว่าหนึ่งเองเขาคิดอะไรอยู่ตอนที่เขาทำ มันถึงทำให้ข่าวเล็ดลอดออกมา สื่อมวลชนก็ถามว่าจะมีงานแต่งาน เอาเป็นว่าคนรอบๆข้างเก๋รู้เรื่องหมดเลย แต่ตัวเก๋และครอบครัวเก๋ไม่รับทราบตรงนี้เลยว่าจะงานดีเกิดขึ้น สถานที่ต่างๆแม้กระทั้งสตูดิโอเขาก็รู้เรื่องโดยที่เจ้าตัวรู้เป็นคนสุดท้าย
จริงๆ เก๋ไม่ได้เสียใจที่หนึ่งจะทำเซอร์ไพร้สแบบนี้ เพียงแต่เก๋ไม่เข้าใจว่าเขาทำแล้วข่าวมันหลุดออกไปได้ยังไง พี่ๆน้องๆ ทุกคนรู้วันที่ 9 เดือน 9 ทุกคนก็มากดดันว่าทำไมไม่มีงานเกิดขึ้นไปทำอะไรอยู่ พอไม่มีงานก็กลายเป็นเก๋เลื่อนวิวาห์ กลายเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย (มีถามเขาหรือเปล่าว่าจัดการอะไรไปทำไมไม่บอก) ถามแล้วมีโอกาสอ่านสัมภาษณ์ที่เขาให้สัมภาษณ์เขาก็บอกว่ายอมรับผิดตรงนี้ว่า เขาสับเพล่าเอง คือความลับมันไม่มีในโลก เขาไปจ้างให้คนแต่งเพลง สตูดิโอเขาก็มาเจอตามงานก็มาเล่าให้ฟังหรือแม้กระทั่งสถานที่จัดงานเก๋ไปทาน ข้าวกับคุณพ่อคุณแม่เก๋เขาก็บอกว่าอีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงเกิดขึ้น พนักงานเขาก็หวังดีมาบอกว่าวันที่ 9 จะมีงาน ซึ่งวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมาตัวเก็เองก็ทำงานก็ไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้าเลย คือรู้ก่อนวันที่ 9 แค่สองวันเอง วันที่ 9 ที่คุณหนึ่งจ้องห้องไว้เขาจะเลี้ยงเพื่อนๆจะขอแต่งงานต่อหน้าเพื่อนๆ"
การเซอร์ไพร้สขอแต่งงานมันไม่ดียังไงถึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น? ...
"จริงๆมันไม่ใช่ไม่ดี คือสิ่งที่หนึ่งทำต้องบอกว่าเป็นเซอร์ไพร้สที่เนียนมากๆ แต่ว่าเผอิญข่าวดันหลุดออกมา แล้วพี่ๆ สื่อมวลชนตีข่าวทุกวันว่าจะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นไปถามคุณพ่อคุณแม่มันก็เป็น ข่าวออกมา คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ได้รับทราบ ก็ตามข่าวที่หนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าเรามีฤกษ์แต่งงานกันปีหน้า แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่เก๋ไม่ทราบเรื่องนี้เลย แล้วมีคนมาถามทุกวัน ข่าวทุกอย่างมันก็มีผลกระทบทำให้เกิดการกดดัน ก่อนหน้านี้ก็ถามหนึ่งว่าจะมีอย่างนี้หรือเปล่า เก๋บอกว่าแน่ใจนะ เดี๋ยวเก๋ต้องไปตอบคำถามพี่ๆน้องๆสื่อมวล เก๋ไม่อยากดูเป็นคนโกหก เก๋ไม่อยากดูเป็นคนไม่รู้
คือทางครอบครัวคุณหนึ่งเก๋ไม่ได้มีโอกาส เข้าไปคุยกับแบบลึกซึ่ง เก๋เพิ่งรู้ข่าวเมื่อวันเสาร์เอง แต่ว่าทางครอบครัวเก๋คุนพ่อคุณแม่ก็ต้องไม่ค่อยแฮปปี้ ท่านก็ไม่ทราบเลย ไม่รู้เรื่อง ต้องบอกว่าข่าวมันมีผลกระทบทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เข้าใจกันด้วย ไม่มีโอกาสคุยกัน มันเลยเป็นว่าบั่นทอนความรู้สึก คุณพ่อคุณแม่ค่อนข้างจะเสียความรู้สึกเพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนถามเยอะพอ สมควรท่านก็บอกว่าไม่มี ยังไม่มีการมาพูดเป็นเรื่องเป็นราวเลย"
ยังจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นในปีหน้าตามที่เราวางแพลนไว้หรือเปล่า? "เก๋" ...
"มันไม่เที่ยงนะคะอย่างที่บอกไปเข้าวัดมาแล้ว ไอ้เรื่องว่าแน่นอนยังไม่แน่นอน (มองเรื่องแต่งงานไว้ยังไงบ้าง) คือจากความเเดิมต้องบอกว่าค่อนข้างจะกลัว เกร็ง คือก่อนหน้านี้ความรักเราดีมาตลอด ไม่เคยมีปัญหาเลย พอมีข่าวแต่งงานขึ้นมาเราก็ระหองระแหงกันมาเรื่อย กลายเป็นคนขี้งอน ขี้น้อยใจ คือมีกฏเกณฑ์ต่างๆตั้งขึ้นมากมายต้องไปออกงานคู่กัน มันมีข้อบังคับเยอะมาก เราต้องแบ่งคนละเรื่องว่าเรื่องความรักกับเรื่องงานแต่งงาน ตัวเก๋เองจากเดิมกลัวอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวหนึ่ง"
ความสัมพันธ์ในตอนนี้เรียกว่าอะไร? ...
"ตอนนี้อยากใช้คำว่าถอยห่างออกมาคนละก้าว แต่ยังเรียกว่าเป็นคนพิเศษอยู่ แค่เราเจอกันน้อยลง ยังคุยโทรศัพท์กันเหมือนเดิมทุกวัน เมื่อเช้าหนึ่งก็เมสเสจมาว่าเป็นยังไงโอเคมั้ย เขาขอโทษนะเรื่องสัมภาษณ์ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า (ถ้าเกิดว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายโอเคแล้ว งานแต่งจะมีขึ้นหรือเปล่า) ตอนนี้ก็ต้องกลับมาคุยที่เก๋แล้วแหละ เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งเป็นคนบอกเองว่าความรักอยู่ที่คนสองคน พอเวลาผ่านมาความรักของเราไม่ใช่เรื่องสองคนแล้ว มีองค์ประกอบคนรอบๆข้างเยอะเหลือเกิน อันนี้ต้องเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้อย่างที่บอก ไอ้ที่ว่าแน่ ยังไม่แน่เลย (แต่ยังรักเหมือนเดิม) อย่างที่บอกเราถึงขั้นเคยคุยอนาคตด้วยกันแล้ว แสดงว่าผู้ชายคนนี้ก็ต้องเป็นคนพิเศษ คนที่ใช่พอสมควร (หนึ่งเข้าไปขอโทษพ่อแม่เราแล้ว) เจอแต่คุณแม่ ยังไม่เจอคุณพ่อ คุณแม่ก็บอกไม่น่าทำแบบนี้เลย คนก็ถามแม่มาเยอะ แม่ก็บอกว่าไม่มีแค่นั้นเอง"
แหวนที่ใส่อยู่ใช่ของ "หนึ่ง" มั๊ย?...
"ส่วนแหวนที่ใส่อยู่ไม่ใช่แหวนคุณหนึ่ง เป็นแหวนเพื่อนรักมากๆเลย เป็นกำลังใจให้ ตอนนี้เราก็พยายามจูนกันอยู่ ยังไงก็ต้องขอความเห็นใจพี่ๆ สื่อมวลชนด้วย บางทีการเขียนข่าว การพาดหัวข่าวบางอย่างอันมันสำคัญ ครั้งนี้ต้องขอเลยจริงๆการพาดหัวข่าวมันมีผลกระทบ คือเก๋เองเป็นคนในวงการบันเทิงเข้าใจ ตัวหนึ่งเองเขาก็ทำใจไม่ได้"