“ประเทศกินี” ประกาศการแพร่ระบาดของ “โรคไวรัสอีโบลา” หลังตายแล้ว 3 ราย
ประเทศกินีประกาศการแพร่ระบาดของโรคไวรัสอีโบลา หลังพบผู้เสียชีวิตจากโรคแล้วอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้ติดเชื้อโรคดังกล่าวแล้ว 4 ราย โดยกลุ่มชาติแอฟริกาตะวันตกเคยมีการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างหนักมาแล้ว ในระหว่างปี 2014 - 2016 ซึ่งเกิดการระบาดครั้งแรกในประเทศกินี และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 11,300 ราย
โรคไวรัสอีโบลาแพร่ระบาดจากประเทศกินี ไปยังประเทศไลบีเรีย ประเทศเซียร์ราลีโอน และประเทศอื่น ๆ ในแถบแอฟริกาตะวันตก ส่งผลให้หลายประเทศต้องยกมาตรการป้องกันระดับสูง การรักษาพยาบาล และระบบเฝ้าระวัง พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุขของแต่ละประเทศก็ได้ตื่นตัวกับการระบาดของโรคในประเทศกินีและมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่
การระบาดของโรคไวรัสอีโบลาในประเทศกินีครั้งใหม่นี้ เกิดขึ้นในเมือง N’Zerekore ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจพบคนไข้ที่มีอาการคล้ายกับโรคอีโบลา นั่นคือท้องเสีย อาเจียน และเลือดออก โดยคนไข้ที่มีอาการดังกล่าวได้เข้าร่วมพิธีศพเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อแล้วเป็นอย่างน้อย 7 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิต 3 ราย
พิธีศพแบบดั้งเดิมของประเทศกินี คือผู้เข้าร่วมงานจะต้องทำความสะอาดและสัมผัสกับร่างกายของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค ปกติแล้วไวรัสดังกล่าวจะแพร่ระบาดจากสัตว์มาสู่คน จากนั้นก็จะแพร่กระจายสู่คนด้วยกันผ่านการสัมผัสของเหลวในร่างกาย
สหพันธ์สภากาชาดของกินีได้ส่งทีมแพทย์และอาสาสมัครกว่า 2,500 คนลงพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อสอบสวนโรค ให้การดูแลสภาวะจิตใจ รวมทั้งจัดหาน้ำและสุขาภิบาลให้กับคนในพื้นที่
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาเกิดขึ้น ในขณะที่ประเทศกินีเจอกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยเช่นกัน ดังนั้น กระบวนการรับมือกับโรคโควิด-19 จะมีส่วนช่วยในให้ตรวจพบโรคอีโบลาได้ง่ายขึ้น
การประกาศของประเทศฏินีเกิดขึ้น 4 สัปดาห์ หลังจากคองโดตะวันออกยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโรคไวรัสอีโบลาแล้ว 4 ราย อย่างไรก็ตาม การระบาดใน 2 ประเทศไม่มีความเชื่อมโยงกัน