สมุทรสาครรายงานผู้ติดเชื้อโควิดวันนี้เพิ่ม 73 ราย ปิดตลาดกลางกุ้งต่อถึง 28 ก.พ.
จ.สมุทรสาคร รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ #โควิด19 รายใหม่เพิ่ม 73 ราย ขณะที่รองผู้ว่าฯ ประกาศปิดตลาดกลางกุ้งต่อจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (17 ก.พ.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 16 ก.พ. 64 โดยพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้น 73 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมไปอยู่ที่ 15,826 ราย
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันนี้ แบ่งเป็น คนไทย จำนวน 34 ราย คนต่างชาติ 39 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการตรวจพบจากการค้นหาเชิงรุกจำนวน 39 ราย และเป็นผู้เข้ามาขอรับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 34 ราย
โดยเมื่อดูจากสถิติจะพบว่า วันนี้มีการตรวจค้นหาเชิงรุกไปทั้งสิ้น 1,537 ราย ได้รับผลการตรวจออกมาแล้ว 1,425 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีการพบเชื้อไวรัสโควิด 39 ราย ขณะที่เมื่อนับจนถึงวันนี้จะพบว่ามีการตรวจค้นหาเชิงรุกไปแล้วทั้งหมดสะสมอยู่ที่ 177,565 ราย มีผลการตรวจออกมาแล้ว 177,453 ราย และพบจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจค้นหาเชิงรุกอยู่ที่ 13,315 ราย
ทั้งนี้ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด มีการลงนามประกาศคำสั่ง เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บริเวณตลาดกลางกุ้ง โดยห้ามเปิดดำเนินกิจการใดๆ โดยให้หยุดการซื้อ การขาย การค้า และการทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปกุ้งและสัตว์น้ำประเภทอื่นในพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุงการสุขาภิบาลให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ให้ปรับปรุงอาคารหรืออาคารที่พักอาศัยในตลาดกลางกุ้ง โดยจะต้องทำการตรวจสอบความแข็งแรงของอาคาร อุปกรณ์ส่วนควบ กำหนดจำนวนผู้พักอาศัยให้สอดคล้องกับขนาดพื้นที่ โดยประกาศคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับถึงวันที่ 28 ก.พ. 64
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วให้เสนอแนวทางปรับปรุงตลาด ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาครพิจารณา และเมื่อดำเนินการปรับปรุงตามที่เสนอเสร็จ จึงสามารถดำเนินการซื้อขาย คัดแยก แปรรูปกุ้งและสัตว์น้ำประเภทอื่นได้ หรือเปิดดำเนินการในอาคารหรืออาคารที่พักอาศัยได้
กรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีโทษตามนัยมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ