"แพท พาวเวอร์แพท" เรียนรู้ เติบโต จากบทเรียนราคาแพงของชีวิต เผยวีรกรรมแซ่บเรื่องสาวๆ

เรียกว่ากลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสวยงาม สำหรับนักร้องขวัญใจวัยรุ่น ยุค 90 อย่าง แพท-วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท หลังจากที่เคยต้องโทษคดียาเสพติดนานถึง 16 ปี 8 เดือน และได้รับอิสระภาพกลับสู่อ้อมกอดครอบครัวและแฟนๆ ที่ยังคงให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวเดินหน้าทำตามความฝัน สานต่อสิ่งที่รักอย่างการเล่นดนตรี กำลังจะปล่อยเพลงใหม่ร่วมกับเพื่อนๆ ในวง พาวเวอร์แพท ในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้เรื่องความฮอตก็ยังคงร้อนแรง ด้วยท่าทีสุภาพ นุ่มนวล ความหล่อเหลาแบบผู้ใหญ่ ทำเอาสาวๆ ใจละลาย ยกตำแหน่ง "แด๊ดดี้" คนใหม่ให้เป็นที่เรียบร้อย

งานนี้ sanook.com พลาดไม่ได้ ขอบุกไปหาแด๊ดดี้แพท พามานั่งคุยกันชิลล์ๆ ถึงชีวิตในตอนนี้ ประสบการณ์ชีวิต และเรื่องที่พลาดไม่ได้อย่างเรื่องหัวใจ ทีได้ข่าวว่าเมื่อก่อนแซ่บสุด ฮอตหนักถึงขั้น สาวๆ มาตีกันแถมยังคบซ้อนอีกต่างหาก และเรื่องราวจะเป็นยังไง ไปฟังจากปากแพทกันเลย

ก่อนอื่นเลยขออัปเดตหน่อยว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เห็นทำงานเยอะมาก?

“ทำงานเยอะมากครับ แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่ค่อยได้ทำ หรือ ไม่เคยทำ ผมเองก็ร้างลามานานหลายอย่าง ตอนนี้ก็เดินสายออกรายการ ร้องเพลง มีทำเพลงโฆษณา รวมทั้งเริ่มทำเดโม่ เข้าห้องอัดกับเพื่อนๆ ทำเพลงของตัวเอง แพลนจะออกมาให้ชมกันประมาณเดือนหน้าทั้งเพลงและเอ็มวีเลยครับ”

เพลงใหม่ที่กำลังจะปล่อย มีคอนเซ็ปต์ยังไงบ้าง?

“เป็นอะไรที่โตขึ้น น่าจะเจาะตลาดได้กว้างกว่าเดิม รวมถึงคนรุ่นใหม่ด้วย แต่ยังคงความเป็นพาวเวอร์แพทอยู่แน่นอน ทั้งเรื่องดนตรี และ การแต่งเพลงทุกเพลงที่จะออกไปหลังจากนี้ จะออกมาจากตัวของวงทั้งหมด ขั้นตอนการอัดเสียงต่างๆ เราอัดเอง เล่นเองทั้งหมดเลยเพราะเราอยากให้งานที่ออกไปเป็นตัวเรามากที่สุดครับ”

ต้องเคาะสนิมเยอะไหม?

“ก็ต้องมีบ้างครับ เพราะห่างไปนาน ต้องซ้อมกับเพื่อนๆ จริงๆ ตอนแรกคิดว่าต้องใช้เวลานานกว่านี้ แต่พอได้ลองได้เล่นจริงๆ ก็กลับมาได้เร็วกว่าที่คิด งานออกมาดีกว่าที่เราคาดหวังไว้พอสมควรเลย”

ถ้าพูดถึงความตื่นเต้นล่ะ มากน้อยแค่ไหน ที่ได้กลับมาทำสิ่งที่รักอีกครั้ง?

“ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นความฝันที่เราอยากให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เราอยู่ข้างในแล้ว เราโหยหาและคิดถึงบรรยากาศการเล่นดนตรีกับเพื่อนมากๆ คิดถึงบรรยากาศที่ได้เจอกับแฟนเพลง คิดถึงบรรยากาศการทัวร์คอนเสิร์ต คิดถึงการตะลอนนั่งรถตู้ไปเล่นดนตรีตามที่ต่างๆ ไปแจกลายเซ็น ไปเจอแฟนเพลง เป็นบรรยากาศที่สนุกและมีความสุขมากเลย”

ต้องทำการบ้านเรื่องตลาดเพลงใหม่ด้วยใช่ไหม?

“ใช่ครับ ต้องทำแน่นอน ได้คุยกับ พี่เท็ดดี้ ที่เป็นคนก่อตั้งวง พาวเวอร์แพท เขาก็ให้คำแนะนำหลายอย่างเกี่ยวกับเรื่องตลาดเพลง ผมต้องไปค้นคว้าตัวอย่างเพลงของทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มันเป็นเทรนด์สมัยใหม่ ทั้งเรื่องซาวด์ เรื่องการเล่นอะไรต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เราเป็นพาวเวอร์แพท ในยุค 2021 เป็นความท้าทายมาก”

คาดหวังกับเพลงที่กำลังจะปล่อยไว้ยังไงบ้าง?

“จริงๆ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะครับ เพราะว่างานตรงนี้เป็นงานที่เราทำแล้วมีความสุข แค่เราคิดงาน สร้างงานออกมาได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าจะได้รับความนิยมไหม คนจะชอบมาก หรือ น้อย มันเป็นเรื่องของผลพลอยได้ แค่เราได้ทำงานที่ชอบแล้วผลลัพธ์ออกมาตามที่เราคิดไว้มัน คือ ที่สุดแล้วครับ”

แพท ซ้อมดนตรี

แล้ววางแผนการทำงาน หรือ ใช้ชีวิตในวงการต่อไปนี้ไว้ยังไง?

“ตอนนี้ผมขอมุ่งเน้นไปเรื่องของงานเพลงก่อน ควบคู่กับงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคม ในการที่เราจะช่วยหน่วยงานต่างๆ ไปพูด หรือ นำเรื่องของเราไปเป็นประโยชน์ให้ผู้อื่น รวมทั้งการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสังคม ตอนนี้ก็มีทยอยเริ่มทำแล้ว เดี๋ยวจะมีมอบเครื่องดนตรีให้กับเรือนจำจากเงินที่ได้รับมาจากการประมูลภาพเขียนสีน้ำ รวมถึงได้รับบริจาคมาจากแฟนคลับด้วย เราก็จะนำทั้งเครื่องดนตรี ที่เราไปเลือกเองเลย เพราะเรารู้ว่าข้างในเขาขาดเหลืออะไร และ เงินไปมอบให้กับทางเรือนจำด้วย”

“ส่วนแผนการทำงาน ผมอยากจะทำงานที่รักไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องเงินเป็นที่ตั้ง เพราะชีวิตที่ผ่านมาได้เรียนรู้แล้วว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ความสุข ความสบายใจต่างหากที่สำคัญมาก

อีกอย่างนึงก็ คือ เรื่องของการดูแลครอบครัว ดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ดูแลทุกคนที่เขาอยู่เคียงข้างเรามาตลอด ผมต้องเริ่มเป็นเสาหลักของที่บ้านได้แล้ว เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก เข้าไปอยู่ในเรือนจำ จนอายุ 40 ก็ขอตังค์พ่อ แม่ มาตลอดครับ”

ทำไมถึงเลือกสนับสนุนเรื่องเครื่องดนตรี ให้กับทางเรือนจำ?

“เพราะชีวิตเราอยู่ได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุขได้ขณะที่อยู่ในเรือนจำก็เพราะดนตรีและศิลปะ เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิต ให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเราเอง และเป็นการพัฒนาทักษะดนตรีและศิลปะ ที่ในอนาคตอาจจะนำไปใช้ประกอบอาชีพที่สุจริตของผู้ต้องขังได้ด้วย ที่สำคัญ คือ เป็นสิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายทำให้เขาใช้ชีวิตในเรือนจำได้อย่างมีความสุขขึ้นครับ”

ขอย้อนกลับไปถึงชีวิตการเป็นศิลปินยุค 90 ตอนนั้นเราเป็นคนสไตล์ไหน?

“ติสท์ มากครับ พูดน้อย ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียว ถ้าว่างก็อยู่แต่ห้อง เวลาทำงานก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เป็นเพราะวัยและเหตุปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง ก็เป็นนิสัยของผมตอนเด็กๆ ซึ่งตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงและเติบโตตามประสบการณ์ที่พบเจอมา พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ก็พูดคุยกับผู้คนได้ปกติ เข้าใจความรู้สึกของผู้คนมากขึ้น

เมื่อก่อนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ และไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น แต่เราไม่ได้มีความคิดด้านลบอะไรนะ เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจชีวิต ยังไม่เข้าใจคนหลากหลายประเภท พอเราโตมา เจอผู้คนมากขึ้นก็ทำให้เราเข้าใจ”

มีวีรกรรมที่ไปแผลงฤทธิ์ไว้ไหม?

“นึกไม่ค่อยออกเลย อาจจะมีบ้าง อย่างเวลาไปที่ที่มีคนเยอะๆ ก็จะหนี ไม่ค่อยอยู่ ที่คนเยอะๆ ก็ไม่ค่อยไป แต่เป็นนิสัยที่ขัดกับชีวิตศิลปินนะ เพราะศิลปินเป็นอาชีพที่ต้องแคร์ความรู้สึกคน เรียกได้ว่าเป็นอาชีพกึ่งบริการ (หัวเราะ)”

ความสนุกของการเป็นศิลปินยุคนั้นสำหรับเรา คือ อะไร?

“หลักๆ สำหรับผม ผมว่าเป็นบรรยากาศการทัวร์คอนเสิร์ต การได้พบปะแฟนเพลง เราประทับใจในการต้อนรับของแฟนเพลงสมัยก่อนที่เขาค่อนข้างจะได้เจอศิลปิน หรือ คนที่เขาชื่นชอบได้ยาก เวลาเขาเจอเราเขาก็จะเต็มที่มากๆ คลั่ง กรี๊ด เกาะรถตู้ เขย่ารถ ปีนรถบ้างอะไรบ้าง (หัวเราะ) ยุคนั้นมันสนุกดีนะ บรรยากาศน่ารัก

พาวเวอร์แพท

ยุคนั้นผมว่าเป็นยุคที่มีเสน่ห์ เดี๋ยวนี้ผู้คนสามารถเข้าถึงศิลปินที่เขาชื่นชอบได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนกว่าจะได้เจอต้องไปหาตามงาน ถ้าอยากรู้ข่าวก็ต้องอ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ เสน่ห์ของยุคนั้น คือ ความยากนี่แหละ (หัวเราะ)”

ยุคนี้ คือ ยุคแห่งความเร็ว เราแอบตกใจไหม?

“ตกใจๆ เพราะหลายอย่างปะทะเข้ามาเร็วมาก ทั้งเรื่องการทำงาน และ การใช้ชีวิต ทุกอย่างพุ่งเข้ามาปะทะ ถ้าเราไม่มีแบคอัพ หรือ ที่ปรึกษาที่ดี เราอาจจะรับมือไม่ทัน ต้องเป๋ ต้องงงแน่นอน ส่วนตัวผมเองถามว่ากลัวไหม ไม่กลัว แต่อาจจะมีโมเมนต์ที่อยากเบรก เราคิดว่าทุกอย่างมันเร็วไปไหม มันต้องชะลอสักหน่อยไหม ก็ต้องค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ครับ รวมทั้งต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากๆ ด้วย”

ขอย้อนไปถึงตอนใช้ชีวิตในเรือนจำ เรามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เรารู้สึกอยากพัฒนาตัวเอง อยากใช้ชีวิตต่อและมีความหวัง?

“หลักๆ เลยสำหรับผม คือ เรื่องของงานเพลงและศิลปะ เพราะผมตั้งเป้าไว้ว่าวันนึงถ้าผมพ้นโทษออกไป เราจะต้องดีขึ้น มีผลงาน มีความพัฒนาที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เราใช้ความฝัน และ เป้าหมายตรงนี้แหละเป็นแกนหลักในการสร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตของตัวเอง

อีกส่วนหนึ่ง คือ กำลังใจจากคนที่รักเรา เช่น ครอบครัว พี่ๆ น้องๆ แฟนคลับ ที่เขาไม่เคยทิ้งและยังคงร่วมสู้ไปกับเรา จุดนี้เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้เราประคองชีวิตอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ 

และอีก ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจจากตัวเอง ต่อให้ใครเข้ามาปลอบประโลมเรา มาพูดอะไรแต่ถ้าเราคิดไม่ได้ เราไม่หนักแน่นพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อใครก็ช่วยเราไม่ได้"

แพท พาวเวอร์แพท

ด้วยระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำนั้นนานมาก มีช่วงหมดกำลังใจไหม?

“มีครับ มี แต่ว่ามันจะเป็นไม่นาน ซึ่งผมถือว่าผมโชคดีที่มีความรู้สึกแบบนั้นไม่นาน เคยรู้สึกว่า เห้ย หยุดทำดีกว่า ทำแล้วมันไม่เห็นผล หรือว่ามันไม่ได้ดั่งใจ แต่จะเป็นแค่ไม่เกิดวันสองวัน ผมโชคดี พอหลับไปแล้ว ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วยังมีความรู้สึกว่า เอาใหม่ ลองดูใหม่ ลองไปเรื่อยๆ ความรู้สึกไม่ดีในวันนั้นมันก็จะเลือนหายไปตามกาลเวลา สิ่งที่ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ว่าจะลองใหม่ จะเอาใหม่ก็เพราะเป้าหมายเรามันยังชัดมากอยู่ว่าเราอยากทำในสิ่งที่เรารัก”

 พอกลับมาสู่วงการ ตอนนี้ได้รับฉายา “แด๊ดดี้” ของสาวๆ ไปแล้วด้วย?

“เป็นความรู้สึกที่ดีครับ น่ารักและอบอุ่นมาก ก็เป็นเรื่องของพื้นที่การแสดงออกในสังคมยุคใหม่น่ะครับ คนเขามีโอกาสที่จะแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองคิด ผมว่าก็ดีครับ เราได้เห็นความคิดเห็นในแง่มุมที่แตกต่างดี”

 แด๊ดดี้ มีความรักหรือยัง?

“ไม่มีเลย ไม่ได้คิดเลย แล้วก็ไม่ได้อยากมี ใช้คำว่า ยังไม่อยากมี ดีกว่า เพราะผมยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ต้องทำอีกเยอะเลย บวกกับด้วยอาชีพ ก็ไม่ได้ดูมั่นคงพอที่จะครอบครัว หรือ คนที่เราต้องดูแลเพิ่มขึ้น มันจะเป็นเรื่องของความรู้สึกผิดด้วย ถ้าวันนึงเรารับคนเข้ามาในชีวิตแล้วเราดูแลเขาไม่ดี ให้เวลาเขาไม่ได้ ถ้าเขาเกิดความรู้สึกแย่ๆ ขึ้นมา เราจะรู้สึกผิด

การมีครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่ ในเส้นทางที่เราเลือกมันอาจจะไม่ได้สบาย หรือ สวยหรู เฉพาะตัวเราคนเดียวเราอาจจะสู้ไหว แต่ถ้าต้องมีใครอีกคนเข้ามาสู้กับเราบางทีมันอาจจะไม่ยุติธรรมกับเขาหรือเปล่าที่เขาต้องมาลำบากกับเรา”

มีสาวในอุดมคติไหม?

“ก็น่าจะเป็นผู้หญิงที่ใจเย็นๆ สุภาพ พูดเพราะ มีความเข้าใจเรา รักในเสียงเพลง รักในศิลปะ รักเด็ก รักสัตว์  (หัวเราะ) พูดเพราะๆ เบาๆ ไม่ค่อยชอบคนโหวกเหวกเสียงดัง”

แพทเป็นคนเจ้าชู้มั้ย?

“เจ้าชู้ (ยิ้ม) เมื่อก่อนก็เจ้าชู้มากนั่นแหละ เป็นคนคุยเยอะ คบเยอะ”

เคยคบซ้อนมากสุดกี่คน?

“ถ้าคบจริงๆ จังๆ แค่ 2 ก็เหนื่อยแล้วนะ แต่ถ้าแบบไม่จริงจัง ก็มีเรื่อยๆ แหละ ตามประสาวัยรุ่น”

แล้วตอนคบ 2 คนผู้หญิงเขาไม่รู้เหรอ?

“อาจจะรู้ แต่ก็รับได้”

ทำไมถึงเลือกที่จะคบซ้อน ?

“ก็ชอบทั้งคู่ มันเลือกไม่ถูกอ่ะ (ยิ้ม) จริงๆ บริหารยากนะ เหนื่อยมาก มันคือ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้เหมือนกันว่าการทำแบบนี้เราอาจจะสุขแค่ชั่วคราวแต่ความทุกข์มันเยอะกว่านะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ ช่วงนั้นก็สับราง แต่ไม่ค่อยเก่ง ส่วนใหญ่จะโดนจับได้ พอจับได้ก็เกมส์ ยอมรับว่าก็ทำจริงรับได้มั้ยล่ะ ส่วนมากก็รับไม่ได้หรอก (หัวเราะ)”

 ฮอตถึงขั้นผู้หญิงตีกันแย่งเราก็มี?

“มี เรื่องแบบนี้มีมาเรื่อยแหละ ตั้งแต่สมัยเรียน มีทั้งแบบที่รู้ว่าเราคบทั้งคู่ก็แย่งกัน แล้วมีแบบที่เราไม่ได้คบเขาทั้งคู่ด้วยนะ แต่เขามาตีกันแย่งเรา ก็งงเลย ทะเลาะกันเรื่องอะไร (หัวเราะ)”

แพท พาวเวอร์แพท

เรารู้สึกยังไงที่อยู่ๆ มีผู้หญิงมาตีกันแย่งเรา?

“ก็แปลกๆ ว่าแบบ โห! ต้องขนาดนี้เลยเหรอ ที่มาตีๆ กันเราก็ไม่เอาอยู่ดีเพราะเราเป็นคนไม่ชอบความรุนแรง ไม่ชอบการทะเลาะวิวาท”

 แล้วเลิกเจ้าชู้เมื่อไหร่?

“ทุกวันนี้ก็ยังไม่เลิกนะ เพียงแต่ไม่ได้ยุ่งเรื่องความรักไง (หัวเราะ) เราตัดเรื่องนี้ไปก่อนเพราะเรายังอยากทำงาน ยังอยากตั้งใจทำสิ่งอื่นๆ เรียกว่าไม่ได้เลิก แต่ยังไม่ได้เริ่มสตาร์ท นับหนึ่ง (หัวเราะ) ผมว่าเรื่องพวกนี้รายละเอียดมันเยอะแล้วมันเหนื่อย พอโตมาก็เลยเฉยๆ”

เรียกว่าเสือหลับ?

"ครับๆ ถ้าตื่นแล้วก็ไม่แน่ (หัวเราะ)

ชีวิตที่ผ่านมาสวิงมาก ขึ้นสุด ลงสุด ถ้าเราจะหาข้อดีจากเรื่องนี้ แพทมองว่าเราได้อะไรจากมันบ้าง?

“ชีวิตที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่สอนให้เราไม่ยึดติดกับทุกสิ่งที่เราเผชิญ อะไรที่เราเจอวันนี้ พรุ่งนี้มันอาจจะหายไปก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง  เงินทอง เกียรติยศ คำชม หรือ อะไรต่างๆ 

ดังนั้นตอนนี้ ไม่ว่าจะเรื่องดี เรื่องร้าย มันจะไม่ค่อยมีผลกับผมสักเท่าไหร่ เพราะผมผ่านมาหมดแล้ว ผมได้เห็นแล้วว่า เมื่อมีเข้ามาเดี๋ยวมันก็จากไป มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แค่ทำในสิ่งที่รักก็พอ ไม่ตั้งข้อแม้ในชีวิตเยอะเกินไป เช่น ฉันจะต้องทำงานให้ได้เงินเท่านี้เท่านั้น ต้องซื้อบ้านราคาเท่านี้ ยิ่งเราตั้งข้อแม้เยอะเราจะหาความสุขในชีวิตยากขึ้น 

แพท พาวเวอร์แพท

ทุกวันนี้ผมพอใจกับชีวิตผมมาก แค่ผมได้ออกมาทำในสิ่งที่ผมรักแค่นี้ผมว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมากแล้ว ได้นอนอยู่บ้าน ได้กินข้าวกับครอบครัว ผมมีความสุขแล้ว และผมไม่กลัวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับชีวิตอีกแล้ว เพราะผมเจอแบบสุดๆ มาแล้ว และมองว่า ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราเอง เราจะไปโทษใครไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปทำตัวเลือกทางเดินชีวิตที่สุ่มเสี่ยง โอกาสที่จะเกิดเรื่องพวกนี้มันก็น้อย มันอยู่ที่เราเลือกทางของตัวเองจริงๆ”

 อยากให้แพทส่งกำลังใจ ถึงคนที่อาจจะกำลังหมดหวัง หรือ ไร้แรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตหน่อย?

“ผมว่าเราต้องอย่าลืมเป้าหมายในชีวิต ที่เราเคยตั้งไว้ เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะใช้ยึดเหนี่ยวเพื่อดำเนินชีวิตในทุกๆ วัน อย่ายอมแพ้ อย่าปล่อยมือจากความฝัน หรือ สิ่งที่เราอยากจะเป็น ระหว่างทางมันอาจจะเหนื่อย เจออุปสรรคแล้วมันท้อ อาจจะทำให้เราหลงลืมไปบ้าง แต่เราต้องกลับมายึดเหนี่ยวสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้และเดินตามเส้นทางต่อไป

ต้องอดทนครับ อาจจะต้องใช้เวลา และอาจจะต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่ถ้าเราอดทน ปลายทางมันต้องมีวันของเรา ผมอยากให้เชื่อแบบนั้น

ทุกความล้มเหลวมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกอย่างบนโลกนี้ 2 ด้านเสมอ แต่อยากให้มองด้านที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของเรามากกว่า ชีวิต คือ การเรียนรู้ทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดี ไม่อยากให้มองแต่ว่าเราสูญเสียอะไรไป เพราะมันจะทำให้เรามีแต่หดหู่ ให้มองว่ามันสอนอะไรเราบ้างดีกว่าครับ”

สุดท้ายให้ฝากถึงแฟนๆ พาวเวอร์แพท ที่รอคอยผลงานของเรา?

“อยากให้รอติดตามนะครับ ทั้งเพลง คอนเสิร์ต และผลงานรูปแบบต่างๆ ของ พาวเวอร์แพท รับรองว่ามีอะไรให้ติดตามกันเรื่อยๆ อยู่แล้ว น่าจะมีความเคลื่อนไหวภายในต้นเดือนหน้าครับ ขอบคุณครับ”

วันนี้เต็มอิ่มกับการพูดคุยกับหนุ่มฮอตแห่งยุค 90 มากๆ ได้เห็นทั้งประสบการณ์ มุมมองความคิด จิตใจที่สู้เพื่อสิ่งที่รักจนมาถึงวันที่ทำสำเร็จ  และอีกมุมของชีวิตเกี่ยวกับเรื่องสาวๆ สำหรับใครที่รอผลงานของแพท และวงพาวเวอร์แพทอยู่ เตรียมตัวฟังข่าวให้ดี เพราะอีกไม่นานได้ฟินกันแน่นอนจ้า