อำนวย ยันมือฆ่าหั่นศพไม่เกี่ยวยากูซ่า

อำนวย ยันมือฆ่าหั่นศพไม่เกี่ยวยากูซ่า

อำนวย ยันมือฆ่าหั่นศพไม่เกี่ยวยากูซ่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อำนวย ยัน มือฆ่าหั่นศพไม่เกี่ยวแก๊งยากูซ่า ย้ำฆ่าเพราะโกรธแค้น แจงต้องเชื่อคำให้การพยาน อยู่ระหว่างติดต่อพ่อเด็ก ด้านเจ้าของอู่แท็กซี่ รุดเยี่ยม เผย เป็นคนเรียบร้อย ไม่เคยแสดงอาการโหดร้าย

(15ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากตำรวจควบคุมตัว นายสิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าชำแหละศพด.ช.โช มาคิโน วัย 5 ขวบ และฆ่าน.ส.สุนันท์ สีสุวรรณ มารดาของด.ช.โช ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพวานนี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับพนักงาน สอบสวน ที่ตลิ่งชัน พร้อมเปิดเผยว่า สำหรับประเด็นที่ผู้ต้องหาอยู่ในแก๊งยากูซ่า ตามที่สื่อนำเสนอข่าวไปนั้น ถามว่าใช่แก๊งหรือไม่ เราคงไม่ทำสำนวนไปตามกระแส เพราะไม่อย่างนั้นวันรุ่งขึ้นก็อาจจะมีอีกแก๊ง วันต่อไปก็อาจจะมีแก๊ง ยามาฮ่า ฮอนดา ขึ้นมาใหม่อีก

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า ส่วนในการสอบสวนของพนักงานสอบสวนนั้น ทางเราจะทำสำนวนบนพื้นฐานของหลักฐานที่พบ แต่ไม่ใช่ว่าจะเชื่อตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหาทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าจากพยานหลักฐานนั้น ตรงตามคำให้การหรือไม่ ถ้าตรงตามที่ให้การ ต้องตรวจดูว่าคำรับนั้นเป็นจริงหรือไม่ ส่วนเมื่อวานเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็เพื่อดูลักษณะของการก่อเหตุจุดก่อเหตุรวมถึงสถานที่เวลา ตรงกับคำให้การแค่ใหน

"ที่แน่ๆ ผู้ต้องหารายนี้ เป็นผู้ที่ก่อเหตุตัวจริงแน่นอน ส่วนจะเป็นแก๊งอะไรนั้นแล้วแต่ สื่อจะคิดเอาเอง ส่วนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผู้ต้องหาจะอยู่ในความควบคุมตัวของตำรวจ จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลอาญารัชดา ขนาดเรื่องฝากขังศาลยังตีความกันไปว่า ฝากขังศาลแขวง ขอบอกไว้นะครับว่า ศาลแขวงนั้นเอาไว้ ฝากขังพวกที่เล่นการพนัน ขอฝากสื่อว่าหากข้อมูลที่ได้มายังไม่ชัวร์หรือไม่แน่นอน ก็อย่าเพิ่งนำเสนอ เดี๋ยวจะมีประเด็นต่างๆเกิดขึ้นมาอีก นอกจากนี้กรณีที่สื่อไปสัมภาษณ์ ด.ญ.พิชญา โดยถามคำถามถึงสาเหตุการฆ่าในลักษณะที่ชี้นำนั้น จะทำให้เด็กไขว้เขวได้ จะทำให้ประเด็นไปกันใหญ่ ฝากวิงวอนว่าคดีนี้ไม่มีเรื่องของแก๊งต่างๆแน่นอน การก่อเหตุนั้นเป็นเรื่อง ของการฆ่ากัน" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

รอง ผบ.ช.น. กล่าวต่อว่า เมื่อวาน ผู้ต้องหาร้องขอที่จะพูดความในใจผ่านสื่อและขอขมาศพของน้องโชว์ แต่ไม่ประสงค์จะขอขมาศพ นางสุนันท์ สีสุวรรณ ซึ่งสิ่งนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้ต้องหายังไม่หายโกรธ นางสุนันท์ แต่จะให้ผู้ต้องหาไปขอขมาศพคงไม่เหมาะ ทางเราให้ขอขมา รูปน้องโชว์ แทน ในส่วนของการ ทำคดีนั้นในกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ได้คาดหวังความร่วมมือจากจำเลยแต่เป็นหน้าที่ตำรวจที่จะต้องพิสูจน์ ว่าสามารถเชื่อคำให้การได้หรือไม่ เสาร์อาทิตย์นี้เราจะไม่หยุดทำงาน

ส่วนจะมีการคัดค้านการประกันตัวหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคัดค้านการประกันแน่นอน เพราะ เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือ คิดตั้งใจมาก่อนแล้ว โดยการนำปืนใส่รถมาจากบ้าน โทษคือประหารชีวิตเพราะการกระทำรุนแรงโหดร้ายรับไม่ได้ ซึ่งมีพยานสำคัญ ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ หากปล่อยตัวไป อาจหลบหนี หรือทำร้ายพยานได้

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ในส่วนพ่อน้องโชว์ทางเราพยายามติดต่ออยู่ แต่ยังติดต่อไม่ได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่า ทำธุรกิจอะไร ในส่วนสาเหตุการฆ่านั้น มาจากการ โกรธแค้นต้องมีแน่นอน แต่จะประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่นั้น ต้องเป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งตำรวจได้ถามผู้ต้องหาแล้ว ผู้ต้องหาบอกว่าเกิดจากความโกรธแค้น แต่เมื่อถามว่าทรัพย์สินผู้ตายหายไปใหน กลับตอบไม่ได้ ถ้าเป็นการฆ่าไม่ประสงค์ต่อทรัพย์แล้วทรัพย์สินอยู่ที่ใหน

"คดีนี้ตรงไปตรงมาแน่นอนพยานไปทางไหนก็ว่าไปทางนั้น ส่วนจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยผิดเพี้ยนไปบ้าง คงต้องเชื่อพยาน เพราะทั้งหมดจะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ถ้าเป็นการรับสารภาพ ทั้งรับไม่หมด รับบัง ๆ ก็จะเกี่ยวเนื่องกับการพิจารณาโทษ ของศาล ส่วนคดีนี้ พยานเห็นทั้งหมดในเหตุการตั้งแต่การยิง การหั่นศพ จึงขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีต่อแน่นอน" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าของ กิจการแท็กซี่ สยาม เดินทางมาแจ้งความประสงค์ในการขอพบผู้ต้องหา โดยเปิดเผยว่า รู้จักกับผู้ต้องหา ตั้งแต่ ปี 2547 ซึ่งผู้ต้องหาและภรรยาคนก่อน มีอาชีพ ขายขนมครก ปากซอย เซ็นหลุยส์ จากนั้นก็เลิกกับภรรยา โดยตนทราบว่า ภรรยาเก่าผู้ต้องหา ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ซึ่งผู้ต้องหา เคยมีรถแท็กซี่มาก่อนแล้วแต่ผ่อนไม่ไหว จึงนำมาขายให้สหกรณ์ ซึ่งผู้ต้องหา ต้องผ่อนให้สหกรณ์ 2หมื่นกว่าบาทต่อเดือน แต่ก็ผ่อนไม่ไหว จึงต้องขายก่อนได้เงินก้อนหนึ่งไปซื้อบ้าน และเปิดร้านซ่อมจักรยาน

"ส่วนตัวผู้ต้องหา เคยสอบถามจากเพื่อนๆทราบว่า เป็นคนชอบเล่นการพนัน โดยบุคลิกส่วนตัวเป็นคนเรียบร้อย ภรรยาคนเก่าเป็นคนธรรมะ ชอบทำบุญ โดยก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยสักหรือ เป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด ส่วนตัวผมไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้" เจ้าของกิจการแท็กซี่กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook