จตุพร ยันเสื้อแดงไม่ยึดทำเนียบ ชัยสิทธิ์ ให้คนรักแม้วรอปาฏิหาริย์
ศอ.รส.ป้องกันคนจ้องก่อเหตุป่วนประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงระหว่างวันที่ 15-25 ตุลาคม ย้ำห่วงมือที่สามสร้างสถานการณ์ ตำรวจคาดผู้ชุมนุม 2-2.5 หมื่น
ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอ.รส. ร่วมประชุมคณะกรรมการ ศอ.รส. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. และ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมผู้แทนทุกเหล่าทัพ เพื่อหารือการรักษาความปลอดภัยพื้นที่เขตดุสิต และเขตพระนคร ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงระหว่างวันที่ 15-25 ตุลาคม ใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การประชุมเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุม และประชาชนทั่วไป โดยเน้น 2 ประเด็น คือ 1.ศอ.รส.พยายามสร้างบรรยากาศให้เกิดความปลอดภัยที่สุด โดยใช้ทหาร ตำรวจ พร้อมสุนัขทหารตรวจสอบพื้นที่ที่มีการชุมนุม เพื่อไม่ให้มีใครมาสร้างสถานการณ์ได้ ไม่มีมาตรการห้ามการชุมนุม แต่ต้องการให้ปลอดภัยที่สุด 2.หากเหตุส่อไปในทางรุนแรงเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติระงับเหตุตามหลักสากลจากเบาไปหาหนัก ตั้งแต่การชี้แจง การใช้โล่ผลักดัน การฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระบอง และกระสุนยางเป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยไม่มีกระสุนจริงหรืออาวุธรุนแรง ที่ประชุมลงรายละเอียดว่าแต่ละขั้นตอน เช่น การใช้โล่ให้ดูว่าเป้าหมายเป็นใคร หากเป็นหญิง คนแก่ หรือเด็ก ต้องปฏิบัติอย่างรอบคอบ หรือการฉีดน้ำต้องฉีดไปที่พื้น หากระงับไม่ได้ ต้องฉีดไปที่ท่อนล่างของร่างกาย เพื่อไม่ให้กระทบอวัยวะสำคัญของร่างกาย
ย้ำห่วงมือที่สามสร้างสถานการณ์
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นายสุเทพได้ซักถามในที่ประชุมเพื่อความมั่นใจว่า การลงไปปฏิบัติหน้าที่กำลังพลมีความเข้าใจทุกขั้นตอนหรือไม่ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1 แสดงความมั่นใจ โดยทหารและตำรวจจะแจกเอกสารชี้แจงการดำเนินการทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้ชุมนุม หน้าที่คือป้องกันและยุติเหตุแต่ละจุด ซึ่งนายสุเทพเป็นห่วงว่าไม่ว่าจะเกิดเหตุที่ กทม. หรือที่การประชุมอาเซียนจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ดังนั้น ต้องให้มีความมั่นใจในทุกขั้นตอน ทั้งนี้ ใช้กำลัง 41 กองร้อย น้อยกว่าครั้งที่แล้วที่ใช้ 63 กองร้อย และในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 15 ตุลาคมจะตั้งจุดตรวจ 8 จุด ในเขตดุสิต คือ ถนนโดยรอบที่มุ่งเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล เช่น ถนนราชดำเนิน ถนนลูกหลวง และวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น.จะจัดชุดทหารและสุนัขตำรวจตรวจสอบพื้นที่บริเวณที่มีการชุมนุม และเวลา 16.00 น. จะวางกำลังตามจุดสำคัญ
เมื่อถามว่า ห่วงการชุมนุม 17 ตุลาคมจะบานปลายถึงการประชุมอาเซียนหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า มองแง่ดีแกนนำระบุว่าจะชุมนุมวันเดียวแล้วจบ แต่ทหารและตำรวจจะไม่ประมาท ทั้งนี้ ไม่ห่วงการชุมนุม แต่เป็นห่วงในเรื่องมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ แม้ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลข่าวว่าจะเกิดเหตุ ทั้งนี้ ถึงเวลาพิสูจน์ว่าคนที่บอกรักชาติ แล้วจะได้เห็นว่าแต่ละคนมีความรักชาติมากน้อยเพียงใด
ตำรวจคาดผู้ชุมนุม 2-2.5 หมื่น
พ.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบก.อก.บช.น. รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมร่วม กอ.รมน. ว่า พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.มีวิทยุสั่งการทุกหน่วย เน้นการตั้งจุดตรวจค้นเป็นพิเศษเรื่องอาวุธ และบุคคลที่สามอาจสร้างสถานการณ์ต่างๆ ให้ บช.น.เป็น ผบ.กองกำลังประสานงานฝ่ายทหาร และ กอ.รมน. โดยรอบเขตดุสิต มอบให้ บก.น.1 จัดจุดตรวจ 8 จุด คือแยกวังแดง แยกสี่เสาเทเวศร์ แยกพระบรมรูปทรงม้า แยกวัดเบญจมบพิตร แยกนางเลิ้ง แยกเทวกรรม แยกมัฆวานรังสรรค์ แยกสวนมิกสวัน จะมีทหาร ตำรวจ เทศกิจ และพยาบาล นอกจากตรวจตราอาวุธแล้วเน้นการประชาสัมพันธ์ข้อกฎหมาย ดูแลความปลอดภัย และเป็นจุดให้บริการด้วย โดยเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม กองกำลังร่วมชุดแรกจะเข้าดูแลพื้นที่สำคัญ ต่อจากนั้นจะเพิ่มกำลังเข้มขึ้นจนถึงวันชุมนุม
พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า การข่าวได้ประเมินผู้ชุมนุมอยู่ระหว่าง 20,000-25,000 คน แนวโน้มว่าถนนพิษณุโลกจะมีผู้ชุมนุมอยู่ 10,000-15,000 คน ล้นมาทางแยกสวนมิกฯ และถนนราชดำเนิน สำหรับพื้นที่ห้ามเข้าเด็ดขาดคือถนนนครปฐม มุมสะพานชมัยฯ หน้าทำเนียบ ถนนลูกหลวง ถนนราชดำเนินประตู 5 สำหรับแกนนำหลายคนที่ยังมีเงื่อนไขการประกันตัวต่อศาล หากมีการฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะถอนประกัน และจับกุมตัวต่อไป
จตุพร ยันเสื้อแดงไม่ยึดทำเนียบ
ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า นปช.จะชุมนุมใหญ่วันที่ 17 ตุลาคม เพื่อทวงถามความคืบหน้าของการถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทำเนียบรัฐบาล แม้รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในเขตดุสิตและอาจห้ามเข้าบริเวณดังกล่าว แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ นปช.ได้คุยกับกองบังคับการตำรวจนครบาลเพื่อขอให้อำนวยความสะดวกในการตั้งเวที ที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม โดยการชุมนุมจะอยู่บนถนนพิษณุโลก ไม่เข้าไปในทำเนียบรัฐบาล และจะเลิกในเวลา 24.00 น.
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเริ่มเวลา 20.30 น. โดย พ.ต.ท.ทักษิณจะพูดแต่ประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองเท่านั้น จะไม่มีการพูดถึงฎีกา ซึ่ง นปช.เห็นว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พยายามเก็บใบฎีกาไว้ที่ตัว ไม่ให้ไปถึงมือนายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ ส่วนที่รัฐบาลใช้กำลังตำรวจและทหาร 18,000 นาย ดูแลการชุมนุมนั้น อยากถามว่าทหารเหล่านั้นมุดอยู่ที่ไหน เพราะขณะนี้มีการแอบอ้างตัวเลขเพื่อเอาเบี้ยเลี้ยง อยากให้นำทหารมายืนเรียงที่ลานพระบรมรูปทรงม้า แล้ว นปช.จะช่วยนับว่าถึง 18,000 คนหรือไม่ ยืนยันว่าการชุมนุมของ นปช.จะเป็นไปอย่างสงบ แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ล้อมปราบหรือสร้างสถานการณ์ ก็เป็นไปได้ว่า นปช.อาจเดินทางไปยังสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
ชัยสิทธิ์ ให้คนรักแม้วรอปาฏิหาริย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางมาเป็นประธานและวิทยากรพิเศษในโครงการแก้จนแบบถาวร โดยมีตัวแทน ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมแกนนำคนเสื้อแดง จ.กาฬสินธุ์ และประชาชน 18 อำเภอ ร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน ที่ศาลาวัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า มาครั้งนี้ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง ไม่ได้มาปูทางให้กับว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แต่มาเพราะรับรู้ว่าประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะผลผลิตการเกษตร จึงนำปุ๋ยตราลูกโลก-สมอ เป็นปุ๋ยเคมีสูตร H4SiO4 แจกให้แก่ประชาชนทดลองใช้ เมื่อใช้ดีแล้วสามารถหาซื้อได้ในราคาจำหน่ายถูกกว่าปุ๋ยชนิดอื่นๆ ไม่เกินตันละ 8,000 บาท
"สิ่งที่ได้พูดคุยกับชาวบ้านคือให้คนที่รักทักษิณรอ 2 อย่าง นั่นคือ ปาฏิหาริย์ และรอการเลือกตั้ง รับรองว่าหากประชาชนยังยึดมั่นกับพรรคเพื่อไทย เลือก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ทักษิณได้กลับประเทศแน่นอน" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว
จากนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้เข้าพบพระราชศีลโสภิต หรือพระอาจารย์หนูอินทร์ เกจิชื่อดังแห่งอีสานที่เคยมอบดาบเหล็กน้ำพี้ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งออกทัวร์นกขมิ้น ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในปี 2547 และพระอาจารย์หนูอินทร์ได้มอบพระสมเด็จให้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ จำนวน 2 องค์ พร้อมประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล
ตร.รวบมือทุบรถ นิพนธ์ ที่มท.
วันเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1 แถลงว่า พ.ต.ต.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม นำกำลังจับกุมนายตี๋ แซ่จิว อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/101 หมู่ 4 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ข้อหามั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ที่ สน.ชนะสงคราม เวลา 00.15 น. วันเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่กระทรวงมหาดไทย นายตี๋ ร่วมกับพวกที่หลบหนีบุกรุกเข้าไปในกระทรวงมหาดไทย และก่อความวุ่นวาย ใช้อาวุธทำร้ายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกฯ จนได้รับบาดเจ็บ และร่วมกันตีรถยนต์ที่มีนายนิพนธ์นั่งอยู่ในรถ ต่อมามีสายลับตามโครงการสายลับพันหน้า บก.น.1 แจ้งเบาะแสว่าผู้ต้องหาอยู่ย่านสนามหลวง ตำรวจจึงเชิญมาสอบสวนและแจ้งข้อหา
นายตี๋ กล่าวว่า ยอมรับว่าวันเวลาดังกล่าวอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีคนส่งท่อพีวีซีมาให้ถือและทำท่าตีแต่ไม่ได้ตี ทำไปตามอารมณ์ช่วงนั้น และไม่รู้ถูกออกหมายจับ ตนไม่มีอาชีพและอาศัยอยู่ที่ท้องสนามหลวงมาก่อน ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่มีภาพจากกล้องจับได้ชัดเจน จึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี