ฆาตกรหั่นศพกราบเท้าแม่ร่ำไห้! จุดธูปขอขมา น้องโช ให้ชาติหน้ามาเป็นลูกจริง
มือสังหารโหดก้มกราบเท้าแม่ บอกเป็นเวรกรรมของตัวเอง ขอขมา"น้องโช"ให้ชาติหน้ามาเกิดเป็นลูกจริง "น้องมินท์"ผ่าตัดเรียบร้อย รู้สึกตัวดี พร้อมให้การตำรวจ ตร.ยังไม่พบหลักฐานโยงแก๊งยากูซ่า เพื่อนเก่าเผยเคยมีบุคลิกเรียบร้อย คิดไม่ถึงเปลี่ยนเยอะไปขนาดนี้
แพทย์เผยอาการทาง"กาย-จิตใจ"ของ"น้องมิ้นท์"ดีขึ้นแล้ว
ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ด.ญ.พิชญา หรือ น้องมิ้นท์ พยานสำคัญในคดีฆ่าหั่นศพ ด.ช.โช ยังคงพักฟื้นอยู่ที่หอผู้ป่วยใน ชั้น7 หลังจากแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนออกจากบริเวณข้อศอกซ้ายและไหปลาร้าขวา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย ร่วมกับรปภ.ของโรงพยาบาลดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมบริเวณหอพักผู้ป่วยในชั้น 7 โดยเด็ดขาด
นพ.ไพรัช เจาฑะเกษตริน ผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก แพทย์เจ้าของไข้ เข้าตรวจอาการน้องมิ้นท์นานประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นกล่าวว่า อาการของน้องมิ้นท์ดีขึ้นแล้ว แผลผ่าตัดแห้งดี ไม่มีอาการไข้ มีเพียงอาการปวดบริเวณแผลที่ผ่าตัด สรุปอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างรอดูอาการของบาดแผลอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะตอบได้ว่าจะให้ออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่
เมื่อถามว่า จะย้ายน้องมิ้นท์ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ นพ.ไพรัช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลพระรามเก้าพร้อมดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้อาการดีมาก สามารถลุกนั่งและเดินเข้าห้องน้ำเองได้ ส่วนเศษกระสุนที่ฝังอยู่ แพทย์ได้ผ่าตัดเอาออกและล้างแผลให้ ตอนนี้เป็นห่วงบาดแผลและกระดูกไหปลาร้าที่หักเท่านั้น
ด้านนายศุภธร จันทรกุล ผู้จัดการฝ่ายประสานงานสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า ผู้ที่จะเข้าเยี่ยมน้องมิ้นท์ต้องติดต่อแพทย์เจ้าของไข้ และต้องอยู่ที่ผู้ป่วยว่าต้องการให้เข้าพบหรือไม่ ส่วนพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ติดต่อว่าจะมาสอบปาก ซึ่งต้องพิจารณาว่าผู้ป่วยพร้อมให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้ ลุงของน้องมิ้นท์ที่เดินทางมาขอเยี่ยม แต่โรงพยาบาลไม่อนุญาต เพราะน้องมิ้นท์ยังต้องพักฟื้น นอกจากนี้ งน้องมิ้นท์ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับลุงคนดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแค่รู้สึกคุ้นๆ เท่านั้น ทางโรงพยาบาลจึงตัดสินใจยังไม่ให้เข้าพบผู้ป่วย
เพื่อนเก่าเผย"มือหั่นศพ"บุคลิกเรียบร้อย คิดไม่ถึงเปลี่ยนไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายสัญชัย เกิดน้อย เจ้าของกิจการแท็กซี่ สยาม ได้เดินทางมาที่สน.ตลิ่งชัน เพื่อขอพบนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ผู้ต้องหาคดีฆ่านางสุนันท์ ศรีสุวรรณ และฆ่าหั่นศพน้องโช มาคิโน อายุ 5 ขวบ
นายสัญชัย กล่าวว่า รู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่ปี 2547 มีอาชีพขายขนมครก ปากซอย เซ็นหลุยส์ หลังจากนั้นก็เลิกกับภรรยาและภรรยาย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ซึ่งผู้ต้องหาเคยมีรถแท็กซี่มาก่อนแล้วแต่ผ่อนไม่ไหว จึงนำมาขายให้ เมื่อได้เงินก็นำไปซื้อบ้านและเปิดร้านซ่อมจักรยาน ยังทราบว่าตัวผู้ต้องหาเป็นคนชอบเล่นการพนัน แต่บุคลิกส่วนตัวเป็นคนเรียบร้อย ภรรยาคนเก่าก็เป็นคนธรรมะธรรมโม ชอบทำบุญ ก่อนหน้านั้นไม่เคยสักหรือเป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด ส่วนตัวไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
มือฆ่าหั่นศพขอขมา"น้องโช" บอกชาติหน้าให้มาเป็นลูกจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญนางสุพานีย์ กาญจนชูมณ แม่ของนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ผู้ต้องหาคดีฆ่านางสุนันท์ ศรีสุวรรณ และฆ่าหั่นศพน้องโช มาคิโน อายุ 5 ขวบ มาพบตัวนายศิริพงษ์ที่ห้องประชุมชั้น 3 ของ สน.ตลิ่งชัน โดยเมื่อทั้งคู่พบหน้ากันก็ต่างร่ำไห้โผเข้ากอดกันทันที ก่อนที่นายศิริพงษ์ ะก้มลงกราบเท้านางสุพานีย์
นางสุพานีย์ บอกกับนายศิริพงษ์ว่า อย่าคิดมาก แม่อโหสิกรรมให้ลูก แม่จะไม่ทอดทิ้งลูกแน่นอน จะไปเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกหรือเรื่องอื่น แม่จะดูแลให้ ขอให้ลูกไปใช้กรรมในคุก และอยู่ในนั้นก็ให้ทำตัวดีๆ นั่งสมาธิอุทิศส่วนกุศลให้กับคนตายด้วย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้นายศิริพงษ์ขอขมาต่อหน้าภาพศพของน้องโช โดยนายศิริพงษ์ได้กล่าวกับรูปศพน้องโชทั้งนองตานองหน้าว่า ข้าพเจ้านายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ได้ทำผิดต่อ น้องโช จึงได้มาขอขมาต่อหน้าภาพถ่ายตัวแทนน้องโชที่ล่วงลับไปแล้ว น้องโชเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด เป็นเด็กน่ารัก น้องโชมีอนาคตที่ดี แต่ต้องมาจบชีวิตเพราะน้ำมือผม ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้น้องโชให้อภัยกับตนและกลับเกิดมาเป็นลูกของตนอีก เพื่อที่จะได้ตอบแทนน้องโชเหมือนกับที่ตนได้ดูแลลูกของตัวเองในชาตินี้ และขอให้วิญญาณของน้องโชไปสู่สุขคติ ตนขอโทษและขออสิกรรมให้กับน้องโช
นายศิริพงษ์ กล่าวเปิดใจสารภาพกับผู้สื่อข่าวว่า ตนรู้สึกผิดที่น้องโชต้องมาโดนลูกหลงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำไปเพราะความโกรธแค้น ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา โดนกดดันมาโดยตลอด ถ้าไม่ทำตนอาจถูกฆ่า และก่อนหน้านี้เคยไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางบัวทอง เรื่องที่ตนโดนข่มขู่มา ยืนยันว่าลงมือทำเพียงคนเดียว ไม่ใช่คำสั่งของแก๊งยากูซ่าตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนรอยสักนั้น ตนไปสักมาจากสนามหลวง ส่วนเรื่องชิงทรัพย์ ขอยืนยันว่าไม่ใช่
"ที่ตัดสินใจยิงไม่ยั้งนั้น เป็นเพราะโกรธแค้นและไม่ได้หันไปมอง ถ้าผมตั้งใจยิงแค่นัดเดียวคุณสุนันท์ก็ตายแล้ว และน้องโชก็คงไม่ต้องมาเสียชีวิต ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ขอไม่พบเจอคุณสุนันท์เลยดีกว่า" นายศิริพงษ์ กล่าว
ด้านนางสุพานีย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเจอกับนางสุนันท์มาก่อน แต่ไม่ค่อยสนิทอะไรมาก มารู้เรื่องอีกทีก็วันที่ลูกชายโทรมาหาแล้วเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง พอตนรู้เรื่องก็รู้สึกตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ขณะนั้นกลังปฏิบัติธรรมถือศีลอยู่ จึงรับฟังรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้ ตนจึงขอร้องให้ลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ โดยลูกชายได้ฝากฝังลูกไว้กับตนด้วย ซึ่งตนก็รับปากจะดูแลให้
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายศิริพงษ์ ขึ้นรถตู้ของตำรวจเพื่อนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญา รัชดา
"น้องมินท์"ผ่าตัดเรียบร้อย รู้สึกตัวดี พร้อมให้การตำรวจ
นายศุภธร จันทรกุล ผู้จัดการแผนกสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลพระราม 9 กล่าวถึงอาการของ ด.ญ.พิชยา หรือน้องมินท์ว่า ขณะนี้ทางแพทย์ได้ผ่าตัดนำเศษกระสุนและเศษโลหะออกจากข้อศอกและไหปลาร้าหมดแล้ว หลังการผ่าตัดน้องมินท์รู้สึกตัวดี แต่ยังเจ็บแผลและอ่อนเพลีย ขณะนี้สามารถลุกนั่งและรับประทานอาหารอ่อนได้ ส่วนสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น เนื่องจากมีจิตแพทย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ต้องรอแพทย์ประเมินอาการก่อนจะอนุญาติให้ออกจากโรงพยาบาล โดยคาดว่าต้องอยู่รักษาตัวต่ออีกประมาณ 2-3 สัปดาห์
นายศุภธร กล่าวด้วยว่า ช่วงบ่าย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.จะเดินทางมาพูดคุยกับน้องมินท์ เป็นการพูดคุยธรรมดาไม่ได้สอบปากคำแต่อย่างใด และจากการสอบถามน้องมินท์ ก็พร้อมที่จะให้การกับเจ้าหน้าที่
ตร.ยังไม่พบหลักฐานโยงแก๊งยากูซ่า
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนคืบหน้าไปมาก ยังไม่พบว่า นายสิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพเกี่ยวข้องกับแก๊งยามากูจิ ซึ่งเป็นแก๊งเรียกเก็บค่าคุ้มครองชาวญี่ปุ่นย่านสีลม และค้าผู้หญิงข้ามชาติ ยืนยันจะเดินหน้าคลี่คลายคดีไปตามหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
พล.ต.ต.อำนวจ กล่าวว่า สำหรับมูลเหตุจูงใจของการฆาตกรรม ยังให้น้ำหนักเรื่องปัญหาขัดแย้งส่วนตัว แต่จะมีประเด็นอื่นหรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพราะจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมให้การเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายที่สูญหายไป
จิตแพทย์ห่วง"น้องมินต์"เกิดอาการทางจิตหลังเห็นแม่-น้องถูกฆ่า
รศ.พญ.สุจิรา จรัสศิลป์ หัวหน้าภาควิชาจิตเวศศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงกรณีนายศิริพงษ์ กาญจนนิวิฐ ได้ลงมือฆ่าหั่นศพน้องโช มาคิโน อายุ 5 ขวบว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงต้องตรวจทางจิตเวชก่อนถึงจะระบุได้ว่า ฆาตกรรายนี้มีปัญหาทางจิตหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการกระทำตามอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
รศ.พญ.สุจิรา กล่าวว่า คนยุคปัจจุบันนี้มีอารมณ์วู่วามมากกว่าคนยุคก่อนมาก อาจเกิดจากการถูกเลี้ยงดูที่พ่อแม่ตามใจ ตลอดถึงไม่เคยฝึกตัวเองให้มีสติ ทำอะไรก็จะทำตามอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ ยิ่งพ่อแม่สมัยนี้ไม่ได้เลี้ยงดูลูกเพราะมัวแต่ทำงาน ฝากเลี้ยงกับสถานเลี้ยงเด็ก เด็กขาดการฝึกอบรม ขาดศีลธรรม ทำอะไรจะเอาแต่ใจ นึกแต่ความถูกใจเป็นหลักโดยไม่ให้ความสนใจว่า เรื่องราวที่กระทำนั้นถูกต้องหรือไม่ พอโตขึ้นมาจะมีลักษณะนิสัยอย่างนั้น
"เท่าที่มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยทางจิตเวช พบว่าการดูแลผู้ป่วยสมัยนี้ดูแลรักษายากกว่าผู้ป่วยสมัยก่อนมาก ผู้ป่วยทางจิตสมัยนี้มีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม บุคคลทั่วๆ ในยุคปัจจุบันนี้ ถ้าไม่ได้ฝึกอบรมทางจิตจะเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมที่ รุนแรง และเมื่อเกิดอารมณ์รัก โกรธ หึงหวง ก็จะมีอารณ์ที่รุนแรงและพร้อมจะกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย" รศ.พญ.สุจิรา กล่าว
รศ.พญ.สุจิรา กล่าวต่อว่า ขณะนี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคืออาการทางจิตที่เกิดจากความหวาดกลัวของเด็กหญิงพิชยา หรือน้องมินต์ พี่สาวของน้องโช ที่รอดชีวิตมาได้ แต่อย่าลืมว่าเหตุการณ์ต่างๆ มันฝังใจ เกิดเป็นอาการพยาธิสภาพทางใจขึ้น ถ้าไม่ได้รับการบำบัดทั้งภาพ และเสียงที่ยังติดตาหรือได้ยินจะประทับอยู่ในจิตของเขาและเขาจะมีอาการทาง จิตดังนั้นนอกจากจะดูแลทางด้านร่างกายของน้องมินท์แล้ว สิ่งที่ต้องเร่งทำอีกอย่างหนึ่งก็คือเฝ้าระวังดูแลจิตใจของน้องมินท์ด้วย