พริตตี้สาว "วาวา" ดับปริศนาหลังรับงานดูแลลูกค้า เพื่อนมั่นใจถูกวางยา ซ้ำรอยลันลาเบล
พริตตี้สาวดับปริศนา ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย แม่และเพื่อนสนิทมั่นใจไม่ได้เสพเองแต่ถูกวางยา หวั่นซ้ำรอยคดีลันลาเบล
วานนี้ (25 ก.พ.64) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้าร้องเรียน ที่ สน.พหลโยธิน ว่า น.ส.วิชญาพร หรือ วาวา พีอาร์สาว ที่เสียชีวิตใน รพ.เปาโล เกษตร ภายหลังรับงานดื่มกินกับชายคนหนึ่ง
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. พร้อม พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ได้เข้าร่วมประชุมถึงความคืบหน้าคดี โดยต่อมา พ.ต.อ.ประสบโชค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม่ของผู้ตายมาแจ้งกับตำรวจให้ตรวจสอบกรณีลูกสาวเสียชีวิตที่ รพ.เปาโล เกษตร เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ หลังทราบว่าในเวลา 06.00 น. ของวันเดียวกัน มีคนนำผู้ตายมาส่งที่ รพ.ด้วยอาการหมดสติ ก่อนจะเสียชีวิต ซึ่งแพทย์ระบุว่าสาเหตุเกิดจากระบบทางเดินหายใจและระบบเลือดล้มเหลว โดยผู้ตายทำงานเป็นพีอาร์ ซึ่งได้รับการติดต่องานจากโมเดลลิ่งชื่อ น.ส.สุ ให้ไปดูแลลูกค้าชื่อนายเก่ง ในเวลา 23.00 น.ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์
พล.ต.ต.พีระพงศ์กล่าวว่า ญาติผู้ตายได้ไปร้องเรียนกับนายอัจฉริยะ ให้ช่วยเหลือด้านคดี ซึ่งจะต้องส่งศพให้สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงอีกครั้งว่ามีสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์หรือไม่ ทั้งนี้ เบื้องต้นทราบผลการตรวจว่าเสียชีวิตผิดธรรมชาติ และผู้ตายไม่ได้ป่วยเป็นโรค แต่ตำรวจก็ทราบตัวนายเก่งแล้ว จากนี้จะเรียกตัวมาสอบปากคำ พร้อมกับบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งทราบว่ามีเพื่อนผู้หญิง 4 คน และกำลังติดต่อผู้รับงานเข้ามาสอบปากคำ โดยจะมีความชัดเจนภายใน 1-2 วันนี้
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดบ้านน้ำขาว หมู่ 5 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.วิชญาพร หรือ น้องวาวา อายุ 33 ปี พริตตี้สาวที่เสียชีวิต
พบกับนางพรทิพย์ อายุ 54 ปี แม่ของน้องวาวา และญาติที่กำลังอยู่ในอาการโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของน้องวาวา โดยญาติกำลังตั้งศพสวดพระอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนแรก และกำหนดฌาปนกิจศพในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ.นี้
นางพรทิพย์ กล่าวว่า วันแรกที่ทราบข่าวลูกสาวเสียชีวิต ตนก็รู้สึกช๊อกเพราะไม่นึกว่าลูกที่อายุยังน้อย ตอนรู้ครั้งแรกคือน้องอยู่ห้องไอซียูแล้ว โดยทราบจากน้องอุ๊ แฟนของลูกสาว ส่วนสาเหตุที่บอกว่าน้องหัวใจล้มเหลว ซึ่งจากที่ได้สอบถามเรื่องการไปทำงาน ตนไม่เชื่อว่าลูกจะเสียชีวิตเพราะทำตัวเละเทะเมาไม่ได้สติ หรือเสพยา เพราะน้องวาวา จะเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดี ไม่เคยปล่อยตัวในการทำงานจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ที่สำคัญงานที่น้องไปทำทุกครั้ง น้องจะระมัดระวังเสมอ จะรับงานจากคนที่ไว้ใจได้เท่านั้นติดต่อมา เคสที่ไปทำงานหลังสุดน้องไปทำงานเพียงคนเดียว กลุ่มที่ไปด้วยกันไม่มีคนที่รู้จักน้อง มีเพียงคนที่ติดต่องานมาให้เท่านั้นที่น้องไว้ใจที่สุดจึงยอมไป และทุกครั้งจะบอกกับแฟนน้องตลอดว่าน้องไปทำงานกี่โมง ไปที่ไหน เลิกงานกี่โมง ก็จะให้น้องอุ๊ แฟนสาวที่เป็นทอมไปรับตลอด
นางพรทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังน้องเสียชีวิต คนที่ติดต่องานให้น้อง ก็ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยอะไรมาทางตนเลย ส่วนผลตรวจที่ระบุว่าพบสารเสพติดในตัวน้อง ตนไม่เชื่อว่าลูกจะเสพยาเสพติดอย่างแน่นอน ตนยืนยันได้ว่าลูกไม่เคยยุ่งเกี่ยวยาเสพติด น้องวาวา จะเป็นคนรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ทำงานต่อสู้ชีวิตมาตลอด ทำงานเลี้ยงแม่ เลี้ยงน้อง และเป็นคนที่ชอบทำบุญ ทุกครั้งที่มีโอกาสน้องจะไปปฏิบัติธรรม ทำบุญสร้างโรงทาน เพราะน้องบอกกับตนตลอดว่างานที่ทำเป็นงานที่ไม่ดี เป็นทางอโคจร น้องก็เลยชอบที่จะไปปฏิบัติธรรม เลี้ยงเด็กอ่อน เลี้ยงคนชรา
ตนได้มีโอกาสคุยกับลูกสาวครั้งหลังสุดเมื่อประมาณวันที่ 18 หรือ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้คุยอะไรที่เป็นลางบอกเหตุ แต่จะถามตนว่าตนมีเงินใช้หรือเปล่า เพราะน้องไม่ได้ทำงานมานานแล้วตั้งแต่ช่วงโควิด น้องจึงเป็นห่วงตนมาก และบอกว่าน้องวาวา พยายามหางานทำอยู่นะ แต่ก็เลือกเฉพาะงานที่มั่นใจได้จริงๆ จึงอยากฝากให้ทางตำรวจช่วยสอบสวนสาเหตุการตายของลูกสาวให้ละเอียดที่สุด เพราะตนไม่เชื่อว่าลูกจะเสียชีวิตเอง
ส่วนศพของน้องวาวา ตามกำหนดเดิมจะทำการฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 28 ก.พ.นี้ แต่หากในทางคดี ตำรวจต้องการจะตรวจพิสูจน์ศพน้องอีกครั้ง ตนก็พร้อมจะเก็บศพไว้ก่อนจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ด้าน น.ส.ศศิธร อายุ 34 ปี เพื่อนคนสนิทของน้องวาวา กล่าวด้วยว่า วันแรกที่ทราบข่าวการเสียชีวิต ตนตกใจมากไม่คิดว่าจะเป็นวาวา เพราะวาวา โดยเฉพาะทราบว่าหัวใจล้มเหลว ตนยิ่งไม่เชื่อ เพราะวาวาเป็นคนที่รักสุขภาพ ดูแลตัวเองดีมาก ก่อนนี้เคยทำงานด้วยกันเป็นพีอาร์ เป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ห่างกันไปนานจนไม่ทราบความเคลื่อนไหวมาก แต่โดยส่วนตัวที่รู้จัก วาวา จะเป็นคนที่ชอบเก็บตัวไม่กิน ไม่เที่ยว ทุกครั้งที่รับงาน ก็จะมีบ้านที่ดื่มเครื่องดื่ม แต่จะรู้ว่าดื่มได้แค่ไหน จะไม่เกินตัวจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งเรื่องยาเสพติดเชื่อว่าวาวา ไม่ยุ่งแน่นอน แม้ว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันอาจจะมีบ้างที่เสพยา เลยแปลกใจว่าทำไมเพื่อนช็อกเสียชีวิต และพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ที่ผ่านมาอาจจะมีบ้างที่เกินลิมิตก็แค่เมาเครื่องดื่มแล้วหลับ
ส่วนยาเสพติดที่พบในร่างกาย อาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่ร่วมในงานแอบใส่ยาเสพติดให้วาวา ในเครื่องดื่มจนเจ้าตัวดื่มไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า และมีข้อสงสัยหลายอย่าง ทั้งคนที่ติดต่องานให้ ทำไมไม่แจ้งให้คนไปรับวาวา ทำไมต้องไปส่งทิ้งไว้ข้างทาง ซึ่งตนมองว่าเป็นลักษณะใกล้เคียงกับคดีลันลาเบล จึงอยากฝากให้ตำรวจช่วยติดตามคดีนี้ให้กระจ่าง