จ่อออกหมายจับ "แอมมี่ เดอะบอตทอม บลูส์" คดี ม.112 กรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์

จ่อออกหมายจับ "แอมมี่ เดอะบอตทอม บลูส์" คดี ม.112 กรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์

จ่อออกหมายจับ "แอมมี่ เดอะบอตทอม บลูส์" คดี ม.112 กรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับความคืบหน้ากรณี ผู้ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ฯ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ณ ลานแถลงข่าว ชั้น 1 อาคาร บช.น. โดยระบุว่า กรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการขอออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดเบื้องต้น 3 ราย ในข้อหาวางเพลิง เผาทรัพย์สินของทางราชการ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกสถานที่ราชการ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันกษัตริย์

พล.ต.ต.ปิยะ ย้ำว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่าในคดีนี้ เมื่อศาลออกหมายจับแล้วจะรีบดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาให้ได้โดยเร็ว ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างการขอศาลอนุมัติออกหมายจับ โดยขณะนี้ได้พิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุบางคนแล้ว และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ย้ำชัดว่า คดีนี้ยอมไม่ได้ ต้องมีการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

สำหรับอัตราโทษของคดีนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ระบุว่า ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์สินของทางราชการก็อัตราโทษที่หนักอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานบุรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืนอีก และยังมีความผิดตามมาตรา 112 ด้วย

พล.ต.ต.ปิยะ ระบุด้วยว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุเป็นนักร้องที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด และมีประวัติเกี่ยวกับคดีทางการเมืองด้วย โดยกรณีนี้มีพยานหลักฐานอย่างชัดเจน และหากผู้ก่อเหตุรู้ตัวก็สามารถเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนได้เพื่อมอบตัวได้ เพราะอย่างไรก็ตามจะตามจับตัวแน่นอนอยู่แล้ว และนอกจากนี้ในการสืบสวนซึ่งดำเนินการอยู่คาดว่า อาจจะมีผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติม

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดไทม์ไลน์การก่อเหตุ เผยโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการวางเพลิงเผาทรัพย์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ว่า จากการสืบสวนของตำรวจร่วมกับกรมราชทัณฑ์  ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุ 3 ราย ชาย 2 หญิง 1 ใช้รถยนต์ในการก่อเหตุ ซึ่งตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายศาลออกหมายจับ

ตอนนี้อยู่ระหว่างขยายผลการตรวจสอบเส้นทาง จนได้ทราบว่าเกี่ยวกับกลุ่มการเมือง หากเราสาวถึงใครเราดำเนินคดีหมด เพราะเป็นการกระทำที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำลายความรู้สึกของคนไทย สิ่งที่ทำเป็นโทษที่ร้ายแรงมากเพราะเป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และมีโทษหนักถึงประหารชีวิตเพราะเป็นโรงเรือนและสมบัติของทางราชการ ตรงนี้เป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับการชุมนุม และการที่เจตนาเผาพระบรมฉายาลักษณ์เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ตามมาตรา 112 มีโทษจำคุก 3-15 ปี รวมถึงการบุกรุกสถานที่ราชการ มีโทษจำคุก 5 ปี

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เรื่องการแชร์ภาพอันมิบังควร มีโทษจำคุก 5 ปี รวมแล้วตอนนี้มี 4 ข้อหาหนักซึ่งโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ซึ่งทาง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้เร่งรัดให้นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ภายใน 7 วัน

ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า จากไทม์ไลน์ที่ทาง ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้สืบสวนและตรวจหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุ พบว่า จากการตรวจสอบของกล้องวงจรปิด กทม.

- เวลา 02.46 น. พบรถผู้ก่อเหตุวิ่งผ่านร้านแกนด์โฮม ใต้สะพานข้ามแยกพงษ์เพชร งามวงศ์วาน 35

- เวลา 02.49 น. จากกล้องของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ พบรถผู้ก่อเหตุวิ่งผ่านหน้าสำนักงาน ฝั่งถนนงามวงศ์วานขาออก วิ่งผ่านประตูเรือนจำกลางคลองเปรม

- เวลา 02.50 น. จากกล้องมุมสูงของการไฟฟ้าฯ พบรถผู้ก่อเหตุจอดริมถนนเลยจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร

- เวลา 02.55 น. พบรถผู้ก่อเหคุถอยกลับมาห่างจากจุดเกิดเหตุ 20 เมตร

- เวลา 03.08 น. พบว่าไฟเริ่มติดตรงจุดเกิดเหตุ และอีก 1 นาทีต่อมา ผู้ก่อเหตุได้ขับออกไปเพื่อหลบหนี

"เรื่องนี้เป็นการเตรียมการมาอย่างแน่นอน เพราะในที่เกิดเหตุพบไฟแช๊ก น้ำมัน เตรียมมาจุดไฟเผา และใช้เวลาในช่วงเช้ามืดของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 10 นาที และหนีทันที และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำรายงานถึงสำนักพระราชวัง เพราะเวลาที่เรานำพระบรมฉายาลักษณ์มาใช้เราต้องขออนุญาตจากทางราชวัง ซึ่งหากถูกเผาทำลายเราก็ต้องรายงานให้ทราบ

ปกติภายในเรือนจำมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ซึ่งที่เกิดเหตุติดถนนที่ประชาชนใช้สัญจรไปมาตามปกติ ตอนนี้อธิบดีได้ใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุด มีเวรยามตลอดเวลา และจุดใดที่มีความละเอียดอ่อนก็ได้สั่งให้ดูแลเข้มข้นขึ้นในทุกเรือนจำ" ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook