ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ตรัสถึง ในหลวง พระอาการไม่มีอันตรายแล้ว ราชินี-พระเทพ เฝ้าใกล้ชิดที่รพ.ตลอด
แถลงการณ์ฉ.27 "ในหลวง" มีพระปรอทหรือเป็นไข้เล็กน้อยเป็นครั้งคราว เสวยพระกระยาหารได้ตามปรกติ และทรงพระบรรทมได้ดี การอักเสบของปอดน้อยลงจากเดิมอีก คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา จะได้วัดอุณหภูมิพระวรกายเป็นระยะ เพื่อสังเกตพระอาการต่อไป
แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 27
แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 27 วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า
คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้วัดอุณหภูมิพระวรกายเป็นระยะ พบว่า มีพระปรอทหรือเป็นไข้เล็กน้อยเป็นครั้งคราว เสวยพระกระยาหารได้ตามปรกติ และทรงพระบรรทมได้ดี
ผลการตรวจพระวรกายด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์พบว่า การอักเสบของพระปับผาสะ (ปอด) น้อยลงจากเดิมอีก คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา จะได้วัดอุณหภูมิพระวรกายเป็นระยะ เพื่อสังเกตพระอาการต่อไป
สำนักพระราชวัง 16 ตุลาคม พุทธศักราช 2552
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ได้เผยแพร่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับสั่ง กับคณะข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเยอรมนี และนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยดิออสอัลกูดเอสติกัล ประเทศเยอมนี ถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่เสด็จฯเยือนประเทศเยอรมนี ทรงเข้ารับ รางวัลบิลดาส เมเดิล ซึ่งเป็นรางวัลของนักวิทยาศาสตร์ด้านเคมี ว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ด้วยพระอาร ทรงมีไข้ หมอตรวจพบว่า ทรงมีอาการปอดอักเสบ ทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช อาคารเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน เป็นต้นมา พระอาการก็ทรงดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ช่วงอาทิตย์แรก ทรงมีไข้สูงมาก ทำให้ทรงไม่สามารถพระดำเนินได้ เนื่องจากทรงไม่มีแรง ขณะนี้ไข้ได้ลดลงมาแล้ว
ขณะนี้คณะแพทย์ได้ติดตามว่า ปอดเป็นอย่างไรบ้าง จากผลเอ็กเรย์มาก็ทรงดีขึ้นเป็นลำดับ ไม่มีน้ำ ไม่มีอะไรแล้ว อาการทางพระหทัยก็เป็นปกติดี ขณะนี้แพทย์ถวายการดูแลอยู่คือเรื่อง การถวายกายภาพบำบัดอยู่ ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้สูงอายุหากนอกบนเตียงอยู่หลายวัน ก็อาจจะทำให้เดินไม่มั่นคง เหมือนกับตอนที่ข้าพเจ้า ประสูติพระธิดา
ตอนนี้คณะแพทย์ก็ถวายการกายภาพบำบัด เพื่อให้ทรงพระดำเนินได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม ซึ่งการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาสักระยะ จึงเป็นเหตุผลให้ยังไม่สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้ ตอนนี้พระอาการแพทย์บอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแล้ว ทุกวันนี้พระองค์ทรงรับสั่ง และเสวยพระกระยาหารได้เกือบปกติแล้ว
ตอนเสด็จฯเข้าโรงพยาบาลใหม่ต้องถวายพระกระยาหาร ทางหลอดพระโลหิต เพราะว่า ทรงมีไข้สูงพระองค์ก็ไม่อยากเสวย ขณะนี้ทรงไม่มีไข้แล้ว พระองค์ก็เสวยได้ตามปกติ
จนมีเรื่องเล่าสนุก คือตัวข้าพเจ้าเองได้ไปเฝ้าพระอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งคนที่เฝ้าไข้อยู่นั้น อย่างสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าไข้อยู่ตลอด ไม่ได้เสด็จฯที่ไหนเลย และก็มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงประทับค้างแรมที่โรงพยาบาลตลอด
ซึ่งข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าพระองค์ขณะเสวยพระกระยาหาร พระองค์ทรงท้าว่า มารับประทานแข่งกันไหม เพราะพระองค์ท่านทรงรู้ว่า ข้าพเจ้าตั้งแต่เล็กนั้น กินผักไม่เป็น พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า วันนี้มีซุปผักโขม มาทานแข่งกันไหม ข้าพเจ้าก็ตอบกับพระองค์ว่ารับทานแข่งก็ได้ วันนั้นเลยได้รับประทานซุปผักโขมไปหนึ่งถ้วย พระองค์ท่านทรงมีพระอาการดีขึ้นมาก เหลือเพียงแต่การทำกายบำบัด เพื่อให้ขามีกำลังดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ว่า ช่วงเช้ายังมีประชาชน ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา รวมทั้ง บุคคลสำคัญเดินทางไปร่วมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล นำคณะผู้ที่เคยได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดล 11 คนมาร่วมลงนามถวายพระพร โดยนายประสารกล่าวว่า นักเรียนทุนทุกคนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากให้พระองค์ทรงหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ยังมี นายนาบิล ฮูเซ็น อัสรี อุปทูตราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นายสุชาติ เวโรจน์ เลขาธิการศาลปกครอง นำคณะตุลาการศาลปกครอง และเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง นายจิรยุทธ ภุชงคสมุทท์ นายกสมาคมพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และสมาชิกสมาคม รวมทั้ง น.อ.อภิสิทธิ์ ทองดีเลิศ ผู้บังคับการกรมสารวัตรทหารเรือพร้อมด้วยคณะ และสามเณร วัดใหม่พิเรนทร์ ย่านเจริญกรุง สมาคมนักเรียนเก่าเบญจมพิตร ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะสมัชชาศิลปินกองทุนเพื่อศิลปินแห่งชาติ นำโดยนายไพจิตร ศุภาวารี ประธาน พ.อ.วิจิตร นาคจู ผู้บังคับการกรมทหารราบปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 นำคณะนายทหารในสังกัดมาร่วมลงนามถวายพระพร
ขณะที่ นางลักขณา นะวิโรจน์ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโสบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด นำคณะนักแสดงศิลปะจากนครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มาแสดงในงาน "10 ปีอาหารเจทั่วทิศ กุศลจิตทั่วไทย สายสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-จีน" มาลงนามถวายพระพรด้วย โดยนายถัง จิง ตัวแทนกงสุลไทย ณ นครเฉิงตู กล่าวว่า คณะนักแสดงศิลปะจากนครเฉิงตูมาร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอยากขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว
นายฮาร์ฟส์ เจอร์โอลด์ ชาวเมืองวิสบูร์ก ประเทศเยอรมนี นำพระบรมฉายาลักษณ์ขาวดำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จฯเยือนประเทศเยอรมนีเมื่อ 45 ปีที่แล้ว และพระฉายาลักษณ์แบบสีของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จฯเยือนประเทศเยอรมนีเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นขนาดโปสการ์ด มาทูลเกล้าฯถวายพร้อมทั้งลงนามถวายพระพร
นายฮาร์ฟส์กล่าวว่า ตนได้พระบรมฉายาลักษณ์นี้จากเมืองวิสบูร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเองที่ประเทศเยอรมนี และตั้งใจนำมาทูลเกล้าฯถวาย ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอาการประชวร รู้สึกเสียใจมาก และดีใจที่ได้มาลงนามถวายพระพรพระองค์ท่านให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว และขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงโดยเร็ว ทั้งนี้ แม้จะเป็นชาวเยอรมัน แต่มีความประทับใจ และยกย่องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแบบอย่างแก่ชีวิตตัวเอง เพราะพระองค์ทรงงานหลายด้านเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นโดยเฉพาะประชาชนคนไทย นอกจากนี้ ยังเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถหลายด้าน อาทิ การทรงงานเพื่อสิ่งแวดล้อม การทรงงานเพื่อแก้ไขด้านจราจร รวมถึงการเกษตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักเดินทางมาทำข่าวบรรยากาศการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาทิ สำนักข่าวอัลจาซีรา ภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งนางสาวเอล่า แคลแลน ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอัลจาซีรา ภาคภาษาอังกฤษ กล่าวว่า สำนักข่าวของตนให้ความสนใจกับบรรยากาศการลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทย ที่สำคัญข่าวดังกล่าวมีความสำคัญกับคนไทยมาก และทั่วโลกก็ให้ความสนใจด้วย ทั้งนี้ตนมาทำข่าวนี้ได้เห็นบรรยากาศการลงนามถวายพระพร ถือว่าเป็นภาพที่สวยงามและเป็นบรรยากาศที่ดีในการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความปรารถนาดีของไทยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ซึ่งตนจะนำภาพบรรยากาศเหล่านี้ไปเผยแพร่ให้กับคนทั่วโลกได้รับทราบ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้ามีตำรวจในสังกัด บช.น.นำไปรษณียบัตรมาแจกจ่ายกันเพื่อให้เขียนถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากอาการพระประชวร โดยมีบางคนได้รับไปและบอกว่าจะไปซื้อไปรษณียบัตรเพื่อแจกเพื่อนตำรวจ ตลอดจนพี่น้องและครอบครัวต่อๆ ไป แม้ตำรวจหลายคนเคยไปลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราชมาแล้วก็ตาม แต่คิดว่าการส่งไปรษณียบัตรเขียนคำถวายพระพร เป็นการส่งกระแสจิตเพื่อให้พระองค์ท่านหายประชวรเร็วๆ ยิ่งขึ้น
พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ และ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. กล่าวว่า การส่งไปรษณียบัตรเพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวร เพื่อให้ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางไปลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดีอีกช่องทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจใน บช.น.นำไปรษณียบัตรมาแจกจ่ายกัน เมื่อตนเห็นก็เลยขอมาเขียนบ้างแม้จะไปลงนามที่โรงพยาบาลมาแล้วก็ตาม
พ.ต.ต.หญิง ทัสสนีย์ ภิรมย์แก้ว สว.(เทคโนฯ) บก.น.6 กล่าวว่า ตนได้รับแจกไปรษณียบัตรจากเพื่อนใน บช.น.มา 1 ใบ ทราบว่าทางบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดให้เขียนถวายพระพรแล้วจะจัดส่งให้ โดยเขียนจ่าหน้าถึงพระองค์ท่านเท่านั้น และจะไปซื้อไปรษณียบัตรอีก 20 ใบเพื่อแจกเพื่อนๆ ตำรวจที่ บก.ต่อให้ช่วยกันเขียนไปถวายพระพรพระองค์ท่านมากๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บังคับบัญชาใน บช.น.ที่ได้รับและเขียนไปรษณียบัตรถวายพระพรในหลวง เช่น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เขียนข้อความว่า "ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวร และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. เขียนว่า "ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงดลบันดาลให้พระองค์ท่าน หายจากอาการประชวร มีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ว"
ด้านนายดวงฤทธิ์ เภติมา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ด.ช.หม่อง ทองดี แชมป์เครื่องบินกระดาษพับประเภททีม และที่ 3 ประเภทบุคคล จะบรรพชาเป็นสามเณร วันที่ 18 ตุลาคม เวลา 15.00 น.ที่วัดป่าแดงมหาวิหาร ต.สุเทพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร และทดแทนคุณครู บิดา-มารดา จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม
"ด.ช.หม่องพร้อมเพื่อนรวม 9 คนซึ่งเป็นเด็กไร้สัญชาติ 6 คน คนไทย 3 คน ได้ซ้อมพิธีบรรพชาวันที่ 17 ตุลาคม ที่วัดป่าแดงมหาวิหาร ซึ่งในพิธีบรรพชาจะมีพระครูธรรมธร ธีรพงษ์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดป่าแดงมหาวิหาร และเจ้าคณะตำบลสุเทพ เป็นพระอุปัชฌาย์ " นายดวงฤทธิ์กล่าว