นายกฯ ลั่นอำนาจตนปรับ ครม.ชัดเจนเร็วสุดภายในเดือนมีนาคมนี้
นายกรัฐมนตรีย้ำปรับ ครม. ตนเองตัดสินใจขั้นสุดท้าย ชัดเจนเร็วสุดภายใน มี.ค. ขอทุกคนสามัคคี เคารพกฎหมาย ยันฉีดวัคซีนโควิดไม่มีวีไอพี เร่งหาเพิ่มให้ครบ 61 ล้านโดส
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านรายการ “PM PODCAST” เกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีว่าได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว และเป็นหน้าที่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย คาดว่าจะชัดเจนในเดือนมีนาคมอย่างเร็วที่สุด พร้อมฝากให้ทุกคนมีความรักสามัคคีมีจิตสำนึก และรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานรัฐให้บริการประชาชน แจ้งข่าวแก่ประชาชน เช่น การเตือนภัยพิบัติ หรือเรื่องสวัสดิการต่าง ๆ และหมั่นตรวจสอบข่าวสารว่าไปถึงประชาชนจริงหรือไม่ ถ้าไม่ถึงจะทำอย่างไร เช่น สร้างความร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นหรือผู้นำชุมชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่าไทยได้รับวัคซีนโควิด-19ลอตแรก จากซิโนแวค จำนวน 200,000 โดส ถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ได้รับวัคซีนจากจีนในเชิงพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างไทยกับจีนที่ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด โดยมีการกระจายวัคซีนไปยังหน่วยบริการเป้าหมาย 13 จังหวัด ประมาณ 116,000 โดส เพื่อฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์แล้วมากกว่า 3,000 คน ซึ่งพบอาการข้างเคียงหลังฉีดเพียงเล็กน้อย
สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนในระยะต่อไปจากแอสตราเซเนกา ที่ได้จองไปแล้วจำนวน 26 ล้านโดส รวมทั้งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาได้อนุมัติงบประมาณกว่า 6,300 ล้านบาท เพื่อจัดหาเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส รวม 61 ล้านโดส ให้ครอบคลุมคนไทยอย่างน้อย 50%ภายในปี 2564 ส่วนภาคเอกชนที่ต้องการนำเข้าวัคซีนต้องขออนุญาตนำเข้า และขึ้นทะเบียนวัคซีนกับ อย. พร้อมยืนยันว่าการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขกลุ่มแรกในจังหวัดเชียงใหม่นั้น เป็นผู้มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19สูง ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของทีมแพทย์ วัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมโรค รวมไปถึงการดูแลเศรษฐกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เปิดเผยข่าวดีของไทย คือ บริษัท S&P Moody’s และ Fitch ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตแนวหน้าของโลก ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือ จากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง เสถียรภาพทางการคลังและวินัยทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ได้ถังแตก ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวขึ้น เพราะมีสัญญาณที่ดีจากการได้รับวัคซีน รวมไปถึงผลจากมาตรการของรัฐบาล “คนละครึ่ง-เราชนะ” ที่มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการอื่นที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อนและกำลังตามมา