เมียหลวงสายเปย์ สุดช้ำ! ผัวตำรวจหนีไปอยู่กินกับน้องสะใภ้ ทิ้งหนี้สินกว่าครึ่งล้านไว้ให้
เมียหลวงเข้าพบทนาย ร้องถูกผัวตำรวจทิ้ง ทั้งที่กู้เงินส่งเสียให้เรียนจนได้ยศ "ร.ต.อ." ก่อนหนีไปอยู่กินกับน้องสะใภ้ แถมทิ้งหนี้สินให้รับผิดชอบอีกกว่าครึ่งล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 มี.ค.) ที่สำนักงานทนายความ คำสิงห์ ชอบมี บ้านตาบัล ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้มี นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี เข้ามาขอคำปรึกษาด้านกฎหมาย หลังจากสามี ซึ่งได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย เป็นตำรวจในพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ ยศระดับ ร.ต.อ.นายหนึ่ง อายุ 48 ปี ทิ้งไปอยู่กินกับเมียใหม่ อายุ 44 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของนางเอ และไม่เคยมาเหลียวแล แถมทิ้งภาระหนี้สินที่กู้ ธ.ก.ส.และอีกหลายที่ ที่ส่วนมากใช้เพื่อส่งสามีเรียนต่อ รวมกว่า 520,000 บาท ให้ชดใช้คนเดียว
นางเอ เล่าด้วยความช้ำใจว่า ตนอยู่กินกับสามีมาตั้งแต่ปี 2540 ไม่มีลูกด้วยกัน แต่ตนมีลูกติดมาด้วย 2 คน ได้จดทะเบียนเมื่อปี 2543 สามีสอบติดโรงเรียนพลตำรวจ ที่จังหวัดนครราชสีมา ตนได้ส่งเสียให้มาตลอดจนจบนายสิบตำรวจ
โดยมีการกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์สนม สหกรณ์การเกษตรออมทรัพย์สนม จำนำยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส. ต่อมาสามีได้สอบเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์จนจบ แล้วก็สอบเข้าโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจ และเมื่อออกมาได้รับการบรรจุเป็นร้อยตำรวจตรีตั้งแต่ พ.ศ. 2554
ในระหว่างนั้นตนได้กู้หนี้ยืมสินจากที่ต่างๆ เพื่อส่งเสียให้กับสามีได้ร่ำเรียนจนจบการศึกษาและบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ต่อมาสามีได้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่อื่นไกลเป็นน้องสะใภ้ของตนเอง แล้วก็อยู่กินกันมาจนผู้หญิงคนใหม่มีบุตรสาว 1 คน สามีจึงได้ย้ายออกจากบ้านตน แล้วก็ไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้หญิงคนใหม่
ตนกับสามีได้มีการจดทะเบียนสมรสกันถูกต้อง แต่กับผู้หญิงคนใหม่ไม่มีการจดทะเบียนสมรสแต่อย่างใด มีแค่การรับรองบุตรผู้หญิงที่เกิดขึ้นมาใหม่เท่านั้น ปี 2562 ตนเคยฟ้องร้องผู้ที่สามีไปอยู่กินด้วยต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้ชดใช้เป็นเงิน 1 แสนบาท ตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว เนื่องจากผู้ถูกฟ้องไม่มีทรัพย์สินใดๆ
จากนั้นได้เข้าร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสามี ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ โดยมี พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้เซ็นรับรองว่าได้มีการทำสัญญาต่อกันจริง
โดยทางสามีจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ตน เป็นจำนวนเงิน 405,000 บาท และตนจะชดใช้เงินในส่วนที่เหลือจำนวน 115,000 บาท ตั้งแต่มกราคม 2562 เป็นต้นมา ส่วนยอดหนี้รวมทั้งสิ้น 520,000 บาท แต่หลังจากการทำสัญญา สามีที่เป็นตำรวจไม่ได้เคยชดใช้เงินให้กับตนแม้แต่บาทเดียว แถมยังบอกกับตนอีกว่า ถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา
ทำให้ต้องมาพึ่งทนายความเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยค่าเสียหายจากสามี ถ้าไม่มาจัดการให้เรียบร้อย ตนจะทำตามกฎหมายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ค่าเลี้ยงดู และฟ้องอาญาด้วย ถ้ายอมความกันได้ตนก็จะยกเลิกการดำเนินการดังกล่าว แต่ทั้งนี้สามีจะต้องชดใช้เงินให้กับตนให้เรียบร้อย ตนจึงจะยุติและพร้อมที่จะไปหย่าให้
ด้าน นายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ กล่าวว่า จริงๆแล้วเรื่องนี้ทางฝ่ายผู้เป็นภรรยา เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมาก เพียงแต่อยากให้ทางฝ่ายสามีที่เป็นตำรวจ มาชดใช้เงินที่เป็นหนี้สินที่ค้างอยู่ ตามสัญญาที่เคยทำข้อตกลงกันไว้
เขาก็เห็นใจเพราะทางผู้หญิงฝั่งนั้นก็มีลูกด้วยกัน 1 คน หากฟ้องไปแล้วถึงขั้นต้องออกจากราชการ ทางโน้นก็ลำบากเหมือนกัน ตนให้เวลากับผู้ที่ถูกกล่าวหาอีกสัก 10 กว่าวัน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เคลียร์ปัญหาต่อกัน หากตกลงกันได้ก็ถือว่ายุติ