กลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น ร้องถูกสาวไทยหลอกร่วมลงทุนธุรกิจต่อวีซ่า สูญกว่า 30 ล้าน

กลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น ร้องถูกสาวไทยหลอกร่วมลงทุนธุรกิจต่อวีซ่า สูญกว่า 30 ล้าน

กลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น ร้องถูกสาวไทยหลอกร่วมลงทุนธุรกิจต่อวีซ่า สูญกว่า 30 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลุ่มสูงวัยชาวญี่ปุ่นร้องสื่อ เจอสาวไทยหลอกร่วมลงทุนธุรกิจต่อวีซ่า สุดท้ายปิดบริษัทหนี เผยมีเหยื่อรวมกว่า 20 คน สูญเงินไปเกือบ 30 ล้านบาท สลด ลุงญี่ปุ่นวัย 69 โดนโกงไปจนไม่มีเงินรักษามะเร็ง วอนสื่อช่วยหาเบาะแส หวังได้เงินคืนมารักษาตัว      

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 มี.ค.) กลุ่มชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวร้องเรียนกับสื่อมวลชน ขอให้เผยแพร่ข่าวช่วยตามหาตัว นางสาววรินทร อายุ 44 ปี พร้อมกับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่ร่วมกันหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและวีซ่า จนมีชาวญี่ปุ่นและชาวสิงคโปร์หลงเชื่อ สูญเงินไปรวมแล้วกว่า 30 ล้านบาท ทำให้หลายคนต้องเดือดร้อนอย่างหนักเพราะสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก  

นายฮิโรอาคิ โอคาเบะ อายุ 61 ปี เล่าว่า ตนเองได้มาพำนักระยะยาวในวัยเกษียณที่จังหวัดเชียงใหม่มานานกว่า 10 ปี ต้นปี 2562 นางสาววรินทรและแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เปิดบริษัทใน อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งอ้างว่าดำเนินกิจการเกี่ยวกับจัดทัวร์และให้บริการต่อวีซ่าให้กับชาวต่างชาติ ได้มาชักชวนให้ตนเองและกลุ่มเพื่อนชาวญี่ปุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงทุนกับบริษัท  

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นางสาววรินทรบอกว่าทางบริษัทได้รับอนุมติให้จัดกิจกรรมงานยี่เป็งที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ วันที่ 11 และ 12 พฤศจิกายน 2562 พร้อมชักชวนให้ร่วมลงทุนและจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 30 ด้วยความที่เห็นมีที่ตั้งบริษัทเป็นหลักแหล่ง มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นและนางสาววรินทรยังถือสัญชาติญี่ปุ่นเป็นสัญชาติที่สอง จึงเชื่อใจ ร่วมลงทุนไป 1 ล้านบาท  

ระหว่างที่รอจัดงานยี่เป็ง นางสาววรินทรยังได้ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจต่อวีซ่าให้กับชาวญี่ปุ่น อ้างว่าจะนำเงินไปการันตีเพื่อต่อวีซ่าให้กับชาวญี่ปุ่น ตามเงื่อนไขที่จะต้องมีเงินการันตีคนละ 8 แสนบาท โดยบอกว่ามีชาวญี่ปุ่นหลายคนที่มีเงินไม่พอและต้องต่อวีซ่า หากร่วมลงทุนจะได้ค่าตอบแทนจากการเช่าเงินร้อยละ 5-10 ของเงินที่ลงทุน

ตนเองจึงทยอยโอนเงินให้เดือนละครั้ง ครั้งละหลายแสนบาท ครั้งล่าสุดเดือนตุลาคม 2563 โดยระหว่างที่ลงทุน ในช่วงแรกได้รับเงินผลตอบแทน แต่ช่วงหลังก็เงียบหายไป อ้างว่าเงินอยู่ในระยะเวลาการันตี ยังไม่สามารถถอนออกมาให้ได้     

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนนางสาววรินทรขาดการติดต่อ จึงไปตามหาที่บริษัทกลับพบว่าปิดกิจการไปแล้ว ไปตามหาที่บ้านพักก็ย้ายออกไป จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก เมื่อสอบถามกลุ่มเพื่อนชาวญี่ปุ่นก็พบว่ามีหลายคนถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน ซึ่งทุกคนบอกตรงกันว่านางวรินทรห้ามไม่ให้เล่าเรื่องลงทุนให้กับคนอื่นได้ทราบ  

นายฮิโรอาคิ บอกว่า ตนเองโอนเงินไปทั้งหมด 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.4 ล้านบาท ได้คืนมา 1.4 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนเพื่อนชาวญีปุ่นคนอื่น ๆ ลงทุนคนละหลายแสนถึงหลายล้านบาท รวมทั้งยังมีชาวสิงคโปร์อีกบางส่วน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท.  

เรื่องที่เกิดขึ้นกลุ่มผู้เสียหาย 4 คน ได้รวมตัวเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เมือปลายปี 2563 ก่อนที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่จะออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังจับกุมตัวไม่ได้ จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับสื่อมวลชน ขอให้เผยแพร่ข่าวเพื่อให้ผู้ที่ทราบเบาะแสแจ้งข้อมูลเพื่อให้ตำรวจเข้าจับกุมซึ่งจะมีรางวัลให้จำนวนหนึ่ง  

ขณะที่ นายคิโยโนริ ฮิราโอกะ อายุ 69 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่เสียเงินไปกว่า 8 แสนบาท เล่าว่า ต้องหมดเนื้อหมดตัวไม่มีเงินใช้จ่าย อีกทั้งตนเองยังเป็นโรคมะเร็ง ไม่มีเงินไปตรวจรักษาเพราะถูกหลอกเอาเงินไปจนหมด ทำให้เครียดมานานหลายเดือน จึงอยากให้ตำรวจช่วยกับตัวมาโดยเร็ว เพื่อให้มาชดใช้เงินคืนให้กับพวกตนเอง 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook