สธ.รอคอนเฟิร์ม หากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เกี่ยวลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมฉีดต่อทันที

สธ.รอคอนเฟิร์ม หากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เกี่ยวลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมฉีดต่อทันที

สธ.รอคอนเฟิร์ม หากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไม่เกี่ยวลิ่มเลือดอุดตัน พร้อมฉีดต่อทันที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าที่มีการชะลอฉีดรวมถึงไทยว่ามีข้อมูลที่ผู้ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันนั้น ไม่น่าจะเกิดจากวัคซีน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังรวบรวมข้อมูลและรอดูข้อมูลอย่างเป็นทางการขององค์การอนามัยโลกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะสรุปข้อมูลได้ในต้นสัปดาห์หน้า หากไม่มีปัญหาอะไร ก็จะเริ่มฉีดวัคซีนต่อไปตามแผนที่กำหนดไว้ แจงแผนฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทยเสร็จภายในปี 2566 เป็นข้อมูลเก่า ไม่ตรงข้อเท็จจริง แผนปัจจุบันคือ ฉีด 63 ล้านโดสเสร็จสิ้นภายในปี 64 สอดคล้องกับสถานการณ์

บ่ายวานนี้ (13 มีนาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 และแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 78 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 33 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 34 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้การติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 - 13 มีนาคม 2564 มีผู้รักษาหายแล้ว 21,909 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.29 อยู่ระหว่างการรักษา 585 ราย เสียชีวิตสะสม 26 คน การติดเชื้อในประเทศพบ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร 48 ราย กรุงเทพมหานคร 13 ราย ปทุมธานี 4 ราย ตากและอ่างทอง จังหวัดละ 1 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตวันนี้ เป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง มีประวัติเดินทางและพักอาศัยในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคใน จ.สมุทรสาคร เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการไข้ ไอ มีเสมหะ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมามีอาการเหนื่อยมากขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 12 มีนาคม 2564

สำหรับความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ระยะแรกใน 13 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ -12 มีนาคม 2564 ฉีดแล้ว 44,409 คน ภาพรวมถือว่าทำได้เร็วกว่าเป้าหมาย มี 7 จังหวัดที่ฉีดครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสมุทรสาครและกรุงเทพมหานคร จะฉีดได้ตามเป้าหมายภายในสัปดาห์หน้า สำหรับแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวม 63 ล้านโดส จะฉีดได้ครบถ้วน 31.5 ล้านคน คนละ 2 โดส ก่อนสิ้นปี 2564 โดยตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นไปที่มีวัคซีนมากขึ้น วางแผนฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส ส่วนที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า แผนการฉีดวัคซีนจะเสร็จสิ้นในปี 2565-2566 เป็นแผนเก่าที่กรมควบคุมโรคเคยเสนอต่อคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร เมื่อพฤศจิกายน 2563 เนื่องจากขณะนั้นยังไม่มีการนำวัคซีนมาใช้ การวิจัยยังไม่แน่ใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยว่าจะป้องกันโรคได้หรือไม่ และผู้เชี่ยวชาญหลายคนบอกว่ากว่าวัคซีนจะใช้ได้คงอีกหลายปี

“เมื่อประเทศไทยมีการจองซื้อวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 26 ล้านโดส โดยลงนามสัญญาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ต่อมามีการระบาดของ จ.สมุทรสาคร ได้จัดหาวัคซีนของซิโนแวค 2 ล้านโดสเข้ามาเพิ่มอย่างเร่งด่วน และจัดซื้อจากแอสตร้าเซนเนก้าอีก 35 ล้านโดส จึงมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะฉีด 63 ล้านโดสให้เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งแผนการฉีดวัคซีนนี้ผ่านความเห็นชอบของ ศบค. คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีการแถลงต่อสื่อมวลชนให้ทราบต่อเนื่อง การนำแผนเก่ากลับมาพูดว่าฉีดวัคซีนล่าช้า จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน” นพ.โอภาส กล่าว

นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนการชะลอการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ขณะนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นว่า อาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดในยุโรป ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขกำลังรวบรวมข้อมูล ทั้งข้อมูลทางการจากองค์การอนามัยโลกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะมีผลสรุปได้ในสัปดาห์หน้า ถ้าไม่เกี่ยวกับวัคซีนก็จะกลับมาเริ่มฉีดวัคซีนต่อไปตามแผนที่กำหนดไว้ ยืนยันว่าวัคซีนที่จะนำมาให้คนไทยต้องมีความปลอดภัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook