สหรัฐ-จีน เดือดไฟลุก ระหว่างพบปะครั้งแรกยุคไบเดน งัดจุดอ่อนถล่มกันยับ
สหรัฐและจีนปะทะฝีปากกันอย่างดุเดือดระหว่างการพบปะของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเมื่อวันพฤหัสบดี (18 มี.ค.) ที่รัฐอะแลสกา ซึ่งเป็นการพบปะครั้งแรกหลังนายโจ ไบเดน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
จีนลั่นก่อนจะเตือนคนอื่น แก้ปัญหาตัวเองก่อน
การตอบโต้กันนี้เกิดขึ้นหลังจากนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสรหัฐ กล่าวว่าทั้งโลกรู้สึกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีน ทำให้นายหยาง เจี๋ยฉือ ผู้อำนวยการคณะกรรมการการต่างประเทศกลางของจีน พูดไปว่า
"เราหวังว่าสหรัฐจะทำได้ดีขึ้นในด้านสิทธิมนุษยชน ความจริงก็คือว่า มีปัญหาหลายเรื่องภายในสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน ที่สหรัฐเองก็ยอมรับว่ามีอยู่"
นอกจากนี้ นายหยาง ยังกล่าวว่า ปัญหาสิทธิมนุษยชนในสหรัฐเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก
"มันไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อ 4 ปีที่แล้ว อย่างเช่น Black Lives Matter (แบล็คไลฟ์สแมตเทอร์)"
สหรัฐโต้มีแต่คนกังวลพฤติกรรมของจีน
ด้านนายบลิงเคนกล่าวว่า บรรดาผู้นำโลกต่างก็ส่งเสียงยินดีอย่างมากที่สหรัฐกลับมาสู่ประชาคมโลกอีกครั้ง หลังผ่านระยะเวลา 4 ของรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ใช้นโนบายอเมริกาต้องมาก่อน
รัฐมนตีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวอีกว่า ตนก็ได้ยินเสียงกังวลเช่นกันถึงการกระทำบางอย่างที่รัฐบาลจีนกำลังจะทำ ซึ่งคาดว่านายบลิงเคนหมายถึงข้อกังวลที่ตนได้ยินจากรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เกี่ยวกับความแข็งกร้าวของจีนตลอดช่วงที่ผ่านมา
จี้สหรัฐหยุดดันประชาธิปไตยในเมื่อคนในชาติยังไม่เชื่อมั่น
นายหยาง กล่าวตอบโต้ด้วยความไม่พอใจว่า สหรัฐจะต้องหยุดผลักดันประชาธิปไตยแบบสหรัฐเสียทีในตอนที่กำลังเผชิญกับความไม่พอใจในหมู่ประชาชนของตัวเอง
"เราเชื่อว่าการที่สหรัฐจะเปลี่ยนภาพลักษณ์และหยุดผลักดันประชาธิปไตยในแบบฉบับของตัวเองให้ส่วนอื่นๆ ของโลก ก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน" นายหยาง กล่าว
"ที่จริงคนจำนวนมากในสหรัฐไม่ค่อยมั่นใจในประชาธิปไตยของสหรัฐเท่าไหร่เหมือนกันนะ"
ผู้อำนวยการคณะกรรมการการต่างประเทศของจีนรายนี้ พูดต่อไปว่า "จีนจะไม่ยอมรบข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานจากฝั่งสหรัฐ" ก่อนเสริมว่า เรื่องที่เกิดขึ้นหลายเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศมาถึงจุดที่ยากลำบากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทำลายผลประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ชาติ
นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า รัฐบาลจีนไม่ได้ตั้งใจให้การพบปะนี้เป็นการปะทะฝีปากกัน แต่สหรัฐยั่วยุจีนก่อน
การพบปะนี้เป็นโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายประเมินกันละกันท่ามกลางความตึงเครียดในเรื่องการค้า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในทิเบต ฮ่องกง และเขตปกครองตนเองซินเจียง และท่าทีคุกคามไต้หวัน ทะเลจีนใต้ เรื่อยไปจนถึงเรื่องโรคโควิด-19
จวกจีนหยุดอ้างกิจการภายใน เพราะกระทบคนอื่น
นายบลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวระหว่างการพบปะว่า การกระทำต่างๆ ของจีน ตั้งแต่เรื่องซินเจียง ฮ่องกง ไต้หวัน การโจมตีทางไซเบอร์ต่อสหรัฐและการต่อต้านพันธมิตรของสหรัฐ เป็นภัยต่อหลักนิติรัฐ ที่คอยรักษาเสถียรภาพของโลก เรื่องพวกนี้จึงไม่ใช่กิจการภายในของจีน จึงต้องนำเรื่องนี้มาพูดในการพบปะครั้งนี้
นายหยาง ตอบโต้ว่า สหรัฐก็ใช้กองทัพของตัวเองและกลุ่มทุนในการขยายอำนาจศาลของตนและกดดันประเทศอื่นเหมือนกัน แถมยังอ้างความมั่นคงของตัวเองในการขัดควางการค้าและยุยงให้ประเทศอื่นโจมตีจีน
"ขอพูดตรงนี้แทนฝั่งจีนเลยนะว่า สหรัฐไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดว่าตัวเองจะมาสั่งสอนจีนในสถานะที่ตัวเองเป็นต่อ"