นักศึกษาวิจิตรศิลป์ มช. บุกวางชักโครกหน้าห้องคณบดี ประท้วงปมคุกคามผลงานศิลปะ
นักศึกษาวิจิตรศิลป์ มช. บุกวางชักโครกหน้าห้องคณบดี ปมคุกคามผลงานศิลปะ ด้านคณบดีออกแถลงชี้หมิ่นเหม่ทางการเมืองจึงต้องยึด หวั่นเกิดผลกระทบต่อคณะ
(23 มี.ค.64) เวลา 13.30 น. กลุ่มนักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าตึกคณะ นำกระดาษมาปิดทับป้ายชื่อคณะ เปลี่ยนชื่อเป็น “ขณะวิจิตรสิ้น” และร่วมกันนำถุงขยะสีดำ ที่มีการติดป้ายกระดาษ ระบุว่า “มอบให้คณบดีและพวกเพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่” ช่วยกันทำความสะอาดเก็บกวาดพื้นที่คณะ ก่อนรวบรวมสิ่งของที่เก็บใส่ถุงดำมาวางกองรวมกันไว้ที่บริเวณหน้าป้ายคณะ
จากนั้นเวลาประมาณ 14.50 น. กลุ่มนักศึกษาพากันเดินขึ้นไปที่ห้องสำนักงานอธิการบดีบนชั้นสอง เพื่อขอเข้าพบกับ รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ แต่ปรากฏว่าทางคณบดีไม่อยู่ในพื้นที่ และไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนแสดงตัวหรือมาพบปะกับทางกลุ่มนักศึกษา ทางกลุ่มจึงแสดงออกเชิงสัมภาษณ์ด้วยการนำถุงดำที่มีการติดป้ายกระดาษ ระบุว่า “มอบให้คณบดีและพวกเพื่อใช้ปฏิบัติหน้าที่” มามอบให้กับทางคณบดีและเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งทีการนำโถส้วมชักโครกมาวางไว้ยังบริเวณหน้าห้อง ก่อนที่ทั้งหมดจะสลายตัวเดินทางกลับอย่างสงบ
นอกจากนี้ทางกลุ่มนักศึกษายังบอกว่าจะมีการรวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือทวงถามเหตุผลกับทางอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ คณบดีคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อีกครั้ง
นายวิทญา อายุ 23 ปี นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มช. ปี 4 ซึ่งเป็นบุคคลที่นอนขวางรถตามที่ปรากฎภายในคลิปเหตุการณ์ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวก็เป็นพื้นที่ทำงานของนักศึกษา แม้ว่าจะดูสกปรกรกตาบ้าง แต่ก็เป็นการทำงานของนักศึกษา และ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาอ้างว่าต้องรักษาความสะอาด การที่จะเข้ามาทำแบบนี้ไม่สมควร อย่างน้อยก็ควรจะมีหนังสือชี้แจงหรือหลักฐานชัดเจน
สำหรับผลงานของตนเองและผลงานของนักศึกษาคนอื่นๆ ที่ถูกเก็บไปนั้น เป็นผลงานศิลปะการเมือง ก็ไม่แน่ใจว่างานศิลปะเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับใครยังไง รวมไปถึงมีใครรับคำสั่งมาหรือยังไง แต่ผลงานเหล่านี้ถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา และการที่กลุ่มคนดังกล่าวเข้ามากระทำการลักษณะเช่นนี้ก็ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพของนักศึกษาในการแสดงออกด้วย ยืนยันว่าพื้นที่สาขา “Media Art and Design” เป็นคนละพื้นที่กับการจัดแสดงงานในหอศิลป์อยู่แล้ว และ เป็นพื้นที่ที่นักศึกษาใช้ในการเรียนรู้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตในการนำผลงานมาจัดวางไว้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทางคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดี คณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการออกหนังสือแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า
ตามที่มีกลุ่มบุคคลใช้พื้นที่บริเวณคณะวิจิตรศิลป์ และได้ปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์นั้น ทางคณะวิจิตรศิลป์ขอชี้แจงว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. ทางคณะวิจิตรศิลป์ ได้เข้าเตรียมพื้นที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะวิจิตรศิลป์ เพื่อจัดเตรียมแสดงงานนิทรรศการศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาสาขาวิชาต่างๆ ทั้งของคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันการศึกษาอื่น ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือน มีนาคมถึงพฤษภาคม 2564
จากการเจ้าไปดำเนินการในพื้นที่ ได้พบวัสดุอุปกรณ์ บริเวณด้านหลังหอศิลปวัฒนธรรม จากการสอบถามนักศึกษาบริเวณนั้นแจ้งว่า ไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด และไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ คณะวิจิตรศิลป์ จึงได้ตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว พบว่าวัสดุบางรายการที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย (ธงชาติไทยที่ถูกดัดแปลงและมีข้อความไม่เหมาะสม) ดังนั้นเพื่อมิให้เกิดผลกระทบ ต่อนักศึกษาและคณาจารย์ของคณะวิจิตรศิลป์ โดยรวม จึงได้เก็บรวบรวมวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมด เพื่อรอมารับคืนต่อไป
ด้าน ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์ประจำสาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรากฎตัวในคลิปวิดีโอ กล่าวว่า ที่ออกมาปกป้องนักศึกษาเพราะว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่มีความชอบธรรมที่จะมากีดกันหรือบอกว่านักศึกษาทำอะไรไม่ได้ ศิลปะคือเสรีภาพในการแสดงออก ไม่มีสิทธิ์ไปบอกว่าใครทำผิดทำถูก
พฤติกรรมแบบนี้เป็นการคุกคามในรั้วมหาวิทยาลัย ทั้งที่ควรจะเป็นพื้นที่เสรีภาพให้นักศึกษา แสดงความคิดเห็นและแสดงออก และ สิ่งที่พูดไปเมื่อวานว่า ศิลปะไม่ได้เป็นนายใครหรือ ทำเพื่อรับใช้ใคร เพราะว่าปัจจุบันมีศิลปินหรือนักศิลปะหลายคน ใช้ผลงานศิลปะเป็นบันใดในการก้าวขึ้นไปหายศถาบรรดาศักดิ์ สร้างความชอบธรรมให้ตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ชื่อเสียง รางวัล และ เกียรติยศต่างๆ ตรงนี้ทำให้เขาหลงทาง นำมาซึ่งการขาดความเคารพตนเอง เขาต้องการพยายามจะทำให้ศิลปะของเขานั้นสูงส่งกว่าของคนอื่น และอาจไปทำงานรับใช้คนนั้นคนนี้