คุมตัว เสก โลโซ เข้าคุก! ศาลไม่อนุญาตฎีกาคดีเสพยา-ขัดขวางตำรวจ เจอโทษ 2 ปี 18 เดือน
ศาลไม่อนุญาตฎีกาคดีจำคุก “เสก โลโซ” 2 ปี 18 เดือน โดยไม่รอลงอาญา กรณีเสพยาและต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันสิ้นปี 2560 ชี้ไม่ใช่ประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 305 ศาลอาญามีนบุรีอ่านคำสั่งศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ อ.1662/2561 ที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 12 (มีนบุรี) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ศิลปินนักร้องเพลงร็อกชื่อดัง อายุ 47 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ เสพยาเสพติด และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน พ.ศ. 2490
ซึ่งในวันนี้ นายเสกสรรค์ หรือ เสก โลโซ เดินทางมาฟังคำพิพากษา พร้อมด้วยภรรยาคือ นางวิภากร หรือ กานต์ ศุขพิมาย และทนายความ
จากนั้นศาลอาญามีนบุรีได้อ่านคำสั่งของศาลฎีกาคดีดำที่ 1662/2561 ที่ทนายความจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยนั้น ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นและผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงไม่อนุญาตให้ฎีกา ให้ยกคำร้องและได้ออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวเพื่อรอส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดให้จำคุก 2 ปี 18 เดือน
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 2560 จำเลยมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติกอีกจำนวน 6 นัด และเสพเมทเอมเฟตามีน กับเสพเมทิลลีนไดออกซีเมทเอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายซึ่งจำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยจำเลยยังต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานด้วย เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2561 ว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้ง 3 ข้อหา ให้จำคุกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 1 ปี รับสารภาพลดโทษเหลือ 6 เดือน, ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน และฐานเสพยาเสพติด จำคุกอีก 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิทภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน เป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แม้ว่าจำเลยอ้างป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ขณะกระทำผิด เนื่องจากเห็นว่าจากพฤติการณ์การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่พบว่าจำเลยรู้ผิดชอบดี จึงไม่อาจอ้างภาวะป่วยดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยนั้นไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2563 แก้เป็นว่า ฐานมีอาวุธปืนซึ่งเป็นของผู้อื่นที่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ.3705/2559 ของศาลอาญาเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน ซึ่งจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา โดยตีราคาประกัน 600,000 บาท