ร้องสอบจริยธรรม ส.ส.หมัดเมา ต่อยหน้า-ถีบหน้าอก อาจารย์ ม.ราชภัฏ น่วม
ส.ส.เจ้าของค่ายมวยดังแปดริ้ว ออกหมัดตะบันหน้าอาจารย์ ม.ราชภัฏ น่วม ขณะฝ่ายคู่กรณียันเอาเรื่องถึงที่สุด เตรียมทำหนังสือประสานไปยัง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบทางจริยธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (27 มี.ค.) 64 เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และยังมีตำแหน่งเป็นประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการภายในมหาวิทยาลัยฯ ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ถูก ส.ส.คนดังรายหนึ่ง เข้ามาทำร้ายร่างกายผลักกระแทกผนัง พร้อมต่อยด้วยหมัดอัปเปอร์คัดที่ใบหน้าหลายหมัด จนทำให้ได้รับบาดเจ็บมีอาการปูดบวมฟกช้ำ และมีร่องรอยบาดแผลตามใบหน้า
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามเยื้องกับสถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทรา ระหว่างที่ตนกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำภายในร้าน และเดินผ่านตัว ส.ส.ที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องน้ำพอดี เมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยที่ตนเองนั้นไม่ได้รู้จักคุ้นเคยอะไรกันกับ ส.ส.รายดังกล่าวนี้เป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ก็ยังได้ยกมือไหว้
แต่ ส.ส.จอมหมัดมวยคนดังรายนี้ ได้ร้องเรียกว่า “มึงมานี่ซิ” และถามว่า “มึงช่วยนายกสิงห์เหรอ เออ กูอยากเจอมึงมาตั้งนานแล้ว" และก็เรียกตนว่าไอ้ดอกเตอร์ ซึ่งตนก็ได้ตอบกลับไปว่า “พี่ผมไม่ได้ช่วยอะไรนายกยศสิงห์หรอก เพราะตนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไปช่วยอะไรเขาไม่ได้หรอก แต่ผมช่วยคิดนโยบายให้บ้างเท่านั้น” ซึ่งนายกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ที่ถูกกล่าวถึงนั้น เป็นอดีตผู้ลงสมัครแข่งขันรับเลือกตั้งนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และเป็นคู่แข่งกันกับผู้เป็นบิดาของ ส.ส.รายนี้
จากนั้น ส.ส.เจ้าของค่ายมวยดัง จึงได้เริ่มผลักร่างกายของตนไปกระแทกเข้ากับประตูห้องน้ำ และเริ่มด้วยการตบมาที่ใบหน้าของตน 1 ครั้ง ก่อนชกต่อยด้วยหมัดสั้นๆ เข้าที่บริเวณใบหน้าปลายคาง และโหนกแก้มจำนวน 4-5 หมัด ก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของกลุ่มคนที่มาด้วยกันกับ ส.ส. และเมื่อตนเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงจะเดินไปเรียกเพื่อนๆ ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษที่มาช่วยสอน 1 คน และมีลูกศิษย์มาด้วยอีก 5 คนรวม 7 คนที่โต๊ะเพื่อที่จะชวนกันกลับ
แต่ในระหว่างที่จะเดินไปที่โต๊ะนั้น จะต้องเดินผ่านโต๊ะของกลุ่มพรรคพวกของ ส.ส.ผู้ก่อเหตุ และเมื่อเดินผ่าน ส.ส.รายนี้ จึงได้เรียกตนอีกว่า “ไอ้ดอกเตอร์มึงนั่งอีกทีซิ มึงมาคุยกับกูอีกหน่อยสิ” ซึ่งในตอนแรกตนเองจะไม่ยอมนั่ง จึงบอกว่าผมขออนุญาตกลับแต่มีคนที่ติดตาม ส.ส.มา ได้บอกว่าพี่นั่งก่อนเถอะ ตนจึงได้นั่งลง แต่พอตนนั่งลงเสร็จ ส.ส.คนดังจึงได้นำเท้าขึ้นมาพาดที่บริเวณหน้าตักของตน
จากนั้นจึงได้ถามอีกว่า “มึงช่วยนายกสิงห์เหรอ มึงเป็นอะไรกับครอบครัวกูมากไหม จากนั้นจึงได้ใช้เท้าถีบมาที่บริเวณหน้าอกของตนอีก 2 ครั้งและตบที่บริเวณใบหน้าอีก 4-5 ครั้ง ซึ่งภายในบริเวณร้านอาหารแห่งนี้ เดิมมีกล้องวงจรปิดติดตั้งเอาไว้ทั้งหมด แต่ทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนี้เซิร์ฟเวอร์ของกล้องได้ถูกถอดออกหายไปหมดแล้ว แต่ตนก็ยังมีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจนจำนวนมากหลายราย เพราะแสงไฟภายในร้านสว่างมากจนเห็นได้ชัดเจน
จากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ตนเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่ได้ถูกคุกคามจาก ส.ส. จึงจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าคดีจะหนักจะเบา และขอเรียกร้องผ่านทางสื่อในเรื่องของจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่กลับมาก่อเหตุในลักษณะนี้ โดยที่ตนนั้นมีทั้งลูกศิษย์ลูกหาที่พอมีชื่อเสียงบ้าง และพอมีคนรู้จักบ้าง ก็ยังโดนขนาดนี้ ซึ่งหากเป็นชาวบ้านทั่วไปจะเป็นอย่างไรโดยตนไม่ได้รู้จักอะไรกับ ส.ส.รายนี้เป็นการส่วนตัว และไม่เคยโกรธแค้นกันมาก่อน
“ความเห็นต่างทางการเมือง ถือว่าเป็นสิ่งสวยงาม จึงไม่ควรมาทำร้ายกันแบบนี้” ผศ.นพพร ระบุ
หลังจากนี้จะได้ประสานไปยังนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบทางจริยธรรมของ ส.ส. รายนี้ โดยหลังจากทำเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้นำหนังสือไปยื่นต่อทางประธานสภาผู้แทนราษฎร และขอร้องผ่านทางสื่อไปถึงยังผู้กำกับการ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา และผู้บังคับการ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอความเป็นธรรมด้วย
โดยหลังจากเกิดเหตุขึ้นแล้ว ตนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ต่อทาง ร.ต.ท.ธนวัฒน์ ทองเจริญ รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ไว้แล้ว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ที่เกิดจากผู้มีอิทธิพลผู้มีอำนาจรัฐ และเห็นว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย