สรุปดราม่า #ใส่ชุดไทยไถสเก็ต กับคำถามถึงความสองมาตรฐานของรัฐบาลไทย

สรุปดราม่า #ใส่ชุดไทยไถสเก็ต กับคำถามถึงความสองมาตรฐานของรัฐบาลไทย

สรุปดราม่า #ใส่ชุดไทยไถสเก็ต กับคำถามถึงความสองมาตรฐานของรัฐบาลไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิวาทะร้อนบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่ออีเวนต์ดัง #รัตนโกเซิร์ฟ คิวชนกับการสลายการชุมนุม “หมู่บ้านทะลุฟ้า” เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 มีนาคม 2564 กลายเป็นดราม่าครั้งใหญ่ ที่นอกจากจะมีการตั้งคำถามถึงความสองมาตรฐานในการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 แล้ว ยังเป็นตลกร้ายในสายตาสังคม เพราะในขณะที่ประชาชนกลุ่มหนึ่งกำลังสนุกสนานกับการไถเซิร์ฟสเก็ต ประชาชนอีกกลุ่มกลับต้องเผชิญกับการคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แม้จะจัดการชุมนุมอย่างสันติก็ตาม

มาดามเดียร์ ขณะร่วมเล่นเซิร์ฟสเก็ตในกิจกรรม เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี มาดามเดียร์ ขณะร่วมเล่นเซิร์ฟสเก็ตในกิจกรรม

ดราม่าดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากที่ นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี หรือ “มาดามเดียร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ขอบคุณทีมงานที่ร่วมจัดกิจกรรม “รัตนโกเซิร์ฟ” ที่เชิญชวนประชาชนร่วมกันแต่งชุดไทยและไถสเก็ตรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นระยะทาง 4 กม. และมีคนดังรวมทั้งประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานถึง 300 คน

โพสต์ของมาดามเดียร์มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ พร้อมตั้งคำถามเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากเป็นการชุมนุมเกิน 5 คน และผู้ร่วมงานหลายคนก็ไม่ได้สวมหน้ากากป้องกัน

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของการจัดกิจกรรม เพราะในเวลาเดียวกันนี้ ตำรวจควบคุมฝูงชนได้เข้าสลายการชุมนุม "หมู่บ้านทะลุฟ้า" บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เป็นครั้งที่สอง ซึ่งห่างจากพื้นที่จัดกิจกรรมของมาดามเดียร์ไม่กี่กิโลเมตร และมีการจับกุมผู้ชุมนุมรวม 99 คน โดยอ้างว่าเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.จราจรทางบก แม้ว่าผู้ชุมนุมจะแสดงออกโดยสันติวิธีก็ตาม

โจอี้ บอย และมาดามเดียร์เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสีโจอี้ บอย และมาดามเดียร์ 

ด้านนายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต หรือ “โจอี้ บอย” ศิลปินชื่อดัง และหนึ่งในผู้จัดงานรัตนโกเซิร์ฟ ได้แถลงขอโทษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ได้มีวาระทางการเมืองแอบแฝง การที่มีบุคลากรจากรัฐบาลเข้าร่วมงาน ก็เนื่องจากเป็นการประสานงานกับผู้ที่สามารถช่วยเหลือเรื่องระเบียบการทำกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ

นอกจากนี้ โจอี้ บอย ยังกล่าวด้วยว่า การจัดอีเวนต์ดังกล่าวได้ขออนุญาตจากทางการแล้ว และผู้ที่เข้าร่วมงานก็ได้ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด รวมทั้งผู้จัดงานก็พยายามปรับเปลี่ยนแผนการเพื่อสร้างผลกระทบให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์เรื่องสวมหน้ากากอย่างเต็มที่ แต่ภาพที่เผยแพร่ในสื่อคือการถอดหน้ากากเพื่อถ่ายรูปในจุดปล่อยตัวเท่านั้น

ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า ผู้จัดงานไม่สนใจเหตุการณ์การสลายการชุมนุม โจอี้ บอย ระบุว่า เป็นความบังเอิญที่เหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน และไม่สามารถยกเลิกงานได้ เนื่องจากเคยเลื่อนการจัดงานมาครั้งหนึ่งแล้ว พร้อมยืนยันว่า กลุ่มผู้เล่นสเก็ตประกอบไปด้วยผู้ที่มีความเห็นทางการเมืองหลากหลาย แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความชอบในกีฬาชนิดเดียวกัน และขอให้ชาวเน็ตไม่นำกิจกรรมนี้ไปโยงกับการเมือง

 

เมื่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้น มาดามเดียร์ได้แถลงผ่านสเตตัสในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า กรณีที่ผู้เข้าร่วมงานไม่สวมหน้ากาก มาดามเดียร์ชี้แจงว่า ภาพที่เห็นคือการถอดหน้ากากเพื่อถ่ายภาพที่ระลึกก่อนออกตัวที่จุดปล่อยตัว และขณะที่เล่นสเก็ต ผู้เข้าร่วมงานต้องถอดหน้ากากเพื่อหายใจได้สะดวก และเนื่องจากสเก็ตเป็นกีฬาที่ผู้เล่นไม่สามารถเล่นติดกันได้ จึงสามารถรักษาระยะห่างระหว่างกันได้ รวมทั้งพื้นที่เล่นสเก็ตเป็นพื้นที่เปิด อากาศถ่ายเท และเมื่อถึงเส้นชัย ผู้เข้าร่วมงานก็กลับมาสวมหน้ากากตามปกติ

ส่วนเรื่องจำนวนคนและความปลอดภัย มาดามเดียร์กล่าวว่า มีการจำกัดผู้เข้าร่วมงานไม่เกิน 300 คน ตามกฎของ ศบค. และยังมีการควบคุมความปลอดภัย ทั้งการลงทะเบียนไทยชนะ การคัดกรองวัดอุณหภูมิ และมีจุดวางเจลแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของ ศบค. ทุกประการ รวมทั้งมีการจัดเตรียมรถพยาบาล และอาสาจราจรตลอดเส้นทาง เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน และผู้ที่สัญจรไปมา

นอกจากนี้ มาดามเดียร์ยังทิ้งท้ายด้วยว่า กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากคนที่รักในการเล่นกีฬา ผู้เข้าร่วมงานไม่ทราบว่าแต่ละคนทำงานอะไร หรือมีตำแหน่งใดในสังคม จึงขอให้พื้นที่จัดกิจกรรมนี้ปลอดจากเรื่องการเมือง

เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี

ต่อมา โจอี้ บอย ได้โพสต์สเตตัสอีกครั้ง โดยกล่าวขอโทษที่ไม่สามารถควบคุมกิจกรรมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และน้อมรับคำติติงเพื่อนำไปปฏิบัติ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความไม่พอใจ แต่กิจกรรมดังกล่าวเกิดจากความตั้งใจที่จะใช้กีฬาทำให้ทุกคนเกิดความสามัคคีและสุขภาพอันดี

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนแคลงใจเกี่ยวกับประเด็นที่ผู้จัดงานทั้งสองไม่ต้องการให้นำกิจกรรมรัตนโกเซิร์ฟ ไปโยงกับการเมือง โดยมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดประชาชนไม่ถึง 300 คน ที่จัดกิจกรรมอย่างสันติ ไม่ได้ปิดถนน กลับถูกสลายการชุมนุมและถูกจับกุม ในขณะที่ผู้จัดกิจกรรมปิดถนน และทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางอำนาจที่เอื้ออำนวยให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชนสามารถทำอะไรก็ได้ โดยมีรัฐคอยอุ้มชู ในขณะที่สามัญชนไม่เคยได้รับสิทธิเหล่านั้น ซึ่งการที่อภิสิทธิ์ชนอย่างผู้จัดงานแสร้งมองไม่เห็นการไร้ความเป็นธรรมที่เกิดขึ้น ไม่เรียกว่าการเมืองจะเรียกว่าอะไร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ สรุปดราม่า #ใส่ชุดไทยไถสเก็ต กับคำถามถึงความสองมาตรฐานของรัฐบาลไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook