เฮียหน้อย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมทีม หอบหลักฐานซื้อเสียงร้อง กกต.
นายชาตรี เชื้อมโนชาญ หรือ เฮียหน้อย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) หอบหลักฐานการซื้อเสียงเข้าร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จ.เชียงใหม่ ให้ตรวจสอบผู้สมัครรายหนึ่ง ที่พบว่าซื้อเสียงจนเป็นที่กล่าวขานเป็นวงกว้าง
ผลการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและ ส.ท. เทศบาลนครเชียงใหม่ ออกมาอย่างไม่เป็นทางการ ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการนั้น ผู้สมัครหมายเลข 2 นายอัศนี บูรณุปกรณ์ จากกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ซึ่งเป็นรุ่นหลานของตระกูลบูรณุปกรณ์ ที่มีฐานเสียงเก่าจากนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่คนเดิม คว้าที่นั่งไปด้วยคะแนน 19,198 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครหมายเลข 3 นายชาตรี จากกลุ่มเพื่อไทยนครเชียงใหม่ ผู้คร่ำหวอดในวงการเมืองท้องถิ่นมานาน ไปไม่ถึง 2,500 คะแนน ที่ 16,713 คะแนน
ส่วนนายธีรวุฒิ แก้วฟอง ผู้สมัครหมายเลข 4 จากคณะก้าวหน้าได้คะแนนมาเป็นอันดับที่ 3 จำนวน 6,797 คะแนน
ขณะที่สมาชิกสภาเทศบาลของจังหวัดเชียงใหม่นั้นกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม คว้าเก้าอี้ไปได้ถึง 18 ที่นั่ง ส่วนกลุ่มเพื่อไทยนครเชียงใหม่ได้ไป 8 ที่นั่ง
นายชาตรี เผยว่า ตนและทีมผู้สมัคร ส.ท. พรรคเพื่อไทย พยายามให้การเลือกตั้งครั้งนี้ขาวสะอาดเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นที่ทราบกันทั่วไปทั้งทางสื่อมวลชนท้องถิ่นนำเสนอ และที่ชาวบ้านทราบกันทั่วไปและมีการส่งหลักฐานเข้ามาให้ตนเองว่ามีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกัน ทีมงานฝั่งตนไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงและไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเด็ดขาด แต่กลับพบว่ามีผู้สมัครรบางรายใช้วิธีใช้เงินซื้อเสียงจูงใจให้ชาวบ้านมาลงคะแนนให้
ผู้สมัครนายกเทศมนตรีรายนี้ กล่าวต่อไปว่า ตนมีหลักฐานสำคัญหลายชิ้นที่ได้จากชาวบ้านรวบรวมมาให้กับ กกต. พิจารณา ซึ่งเป็นคลิปเสียงในช่วงของการซื้อเสียง จูงใจให้ไปลงคะแนนให้กับผู้สมัครรายหนึ่ง ว่าหลักฐานที่มอบให้ครั้งนี้จะสามารถเอาผิดกับผู้สมัครที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้หรือไม่ และยังพบว่ามีหลักฐานอีกหลายอย่างที่ผู้สมัครอีกราย ซึ่งนัดกันว่าจะมายื่นพร้อมกัน แต่ยังติดปัญหาบางอย่างยังไม่ได้มายื่นในวันนี้ เชื่อว่ามีมูลความผิดเรื่องของการซื้อเสียง
นายชาตรี ให้ความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมสำหรับพี่น้องประชาชนที่ตั้งใจใช้เสียงบริสุทธิ์มาลงคะแนนให้ตนเอง จึงอยากให้ทาง กกต. พิจารณา ให้ความเป็นธรรมกับตนและผู้สมัครรายอื่นด้วย
นายชาตรี พูดต่อไปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้เสียความรู้สึกที่ยังเชื่อว่าตอนนี้เสียงของชาวเชียงใหม่ยังซื้อได้ด้วยเงิน ไม่คิดว่ายังจะมีการใช้วิธีซื้อเสียงกันอยู่ จึงอยากให้ กกต. ช่วยให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น อยากให้พวกเราที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ และเด็กๆ เข้ามาทำงานในด้านการเมือง คนรุ่นใหม่ที่มาสืบทอดเจตนารมย์ ได้เดินในแนวทางที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
กกต. ขอพิจารณาก่อน
นายทองเนตร ดูใจ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลักฐานที่ผู็สมัครนำมามอบให้กับ กกต. ก็จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ ว่ามีมูลเหตุชัดเจนเพียงพอก็จะมีการสั่งให้มีการไต่สวน แต่หากไม่เพียงพอก็จะรวมรวมเรื่องไว้ก่อน ซึ่งหากมีหลักฐานเพียงพอก็จะสั่งเรื่องให้ทาง กกต.กลางพิจารณา
รองผู้อำนวยการ กกต. จ.เชียงใหม่ รายนี้ อธิบายต่อไปว่า ส่วนของ กกต. ในพื้นที่ หากไม่นำสำนวนส่ง กกต.กลางพิจารณา ก็จะสามารถประกาศรับรองผลได้ภายใน 30 วัน แต่หากมีเรื่องร้องเรียนและส่งสำนวนให้ กกต. กลางพิจารณาก็จะรับรองผลได้ภายใน 60 วันหรือรับรองผลไปก่อนแต่ก็พิจารณาสำนวนควบคู่กันไป
การเลือกตั้งเทศบาลครั้งนี้ของ จ.เชียงใหม่ทั้ง 121 เทศบาล มีเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 52 เรื่องส่งไปให้ กกต.กลางพิจารณาแล้ว 8 เรื่อง เฉพาะของเทศบาลนครเชียงใหม่มี 2 เรื่องร้องเรียนเรื่องของการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง
กกต. เผยว่า สำนักงานก็ได้รับพยานหลักฐานบางส่วนจากชุดเจ้าหน้าที่เคลื่อนที่เร็ว ในการลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งเบาะแส ส่วนเรื่องของหลักฐานการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้นยอมรับว่าค่อนข้างยากที่จะพบหลักฐานซึ่งหน้า เนื่องจากการซื้อเสียงจะไม่ทำในที่สาธารณะ หรือมีหลักฐานทิ้งไว้ให้เจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่เองก็จะต้องสืบทราบต่อไป