"วัน อยู่บำรุง" โดดช่วยคดี "น้องการ์ตูน" เรียกคู่กรณีมาเคลียร์ ทำไมไม่จ่าย?

"วัน อยู่บำรุง" โดดช่วยคดี "น้องการ์ตูน" เรียกคู่กรณีมาเคลียร์ ทำไมไม่จ่าย?

"วัน อยู่บำรุง" โดดช่วยคดี "น้องการ์ตูน" เรียกคู่กรณีมาเคลียร์ ทำไมไม่จ่าย?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาเป็นประเด็นสนใจอีกครั้ง แม้จะผ่านไปนานกว่า 7 ปี กรณีของน้องการ์ตูน เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรถกระบะเมาแล้วขับ พุ่งชนร้านสเต็ก บริเวณปากซอยเอกชัย 119 เมื่อปี 2557 เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้น้องต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง คุณพ่อของน้องเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคุณแม่ต้องต่อสู้คดีอย่างยาวนาน แม้ศาลจะตัดสินให้ทางครอบครัวชนะคดี แต่ผ่านมาจนถึงวันนี้ คู่กรณียังไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยแม้แต่บาทเดียว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ตนคิดว่าเรื่องราวของน้องการ์ตูนจบไปนานแล้ว เพิ่งมารู้จากข่าวว่าครอบครัวของน้องการ์ตูนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ โดยได้เรียกทางคู่กรณีมาเจรจา พร้อมถามเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยให้ครอบครัวน้องการ์ตูน ผู้เสียหาย

ต่อมา วัน อยู่บำรุง โพสต์ภาพ ขณะตนเองกำลังนั่งคุยกับ พ่อของน้ำผึ้ง คู่กรณีคดีน้องการ์ตูน พร้อมระบุข้อความว่า "ล่ม!!!" และคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "เขายืนยัน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย"

ต่อมา วัน อยู่บำรุง ได้เดินทางไปเยี่ยม น.ส.ศรัญญา แม่ของน้องการ์ตูน โดยมีการนำของใช้จำเป็นไปมอบให้ พร้อมระบุข้อความว่า

มอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับคุณแม่น้องการ์ตูน กรณีที่น้องถูกรถชนจนเป็นผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เป็นกำลังใจให้คุณแม่กับน้องครับ 7 ปีผ่านไป ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากผู้ก่อเหตุเลย

ต่อมาเมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) วัน อยู่บำรุง ได้เปิดเผยกับ กรรชัย กำเนิดพลอย ผ่านทาง รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทาง ช่อง 3 ว่า มีโอกาสพูดคุยกับพ่อของน้ำผึ้ง คู่กรณีน้องการ์ตูน โดยผู้เป็นพ่อบอกว่า สาเหตุที่แม้ว่าศาลฎีกาจะสั่งเยียวยาน้องการ์ตูน 6 ล้านบาท แต่ครอบครัวไม่ได้จ่ายเงินให้สักบาทนั้น เพราะตอนนี้ไม่มีเงินจริง ๆ ธุรกิจโต๊ะสนุกเกอร์ก็ไม่มีแล้ว ตนเคยขายรถเพื่อเอาเงินไปให้ลูก เพื่อให้ลูกเอาเงินไปมอบให้ครอบครัวน้องการ์ตูน จำนวนเกือบ 1 ล้านบาท ตั้งแต่เป็นคดีแรก ๆ แต่ไม่รู้ว่าเงินหายไปอยู่ไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook