แม่น้ำตาตก ลูกชายหนีออกจากสถานพินิจฯ เพราะถูกพ่อบ้านทำร้าย-ให้กินข้าววันละมื้อ
2 ผู้ปกครองร้องเรียน ลูกชายหนีออกจากสถานพินิจฯ เพราะทนไม่ไหวที่ถูกพ่อบ้านทำร้าย ให้กินข้าววันละมื้อจนล้มป่วย
(1 เม.ย.64) เวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางเล็ก (นามสมมุติ) แม่ของนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ที่หลบหนีออกจากสถานพินิจ จ.ระยอง ได้เข้าขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีหลังบุตรชายอายุ 17 ปี ต้องหลบหนีออกจากมาจากสถานพินิจเพราะถูกพ่อบ้านเตะที่หน้าอก เหตุเกิดวันที่ 2-3 มี.ค. และบางวันได้กินข้าวแค่มื้อเดียวจนแพทย์ตรวจพบว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ขณะนี้นายเอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระยอง
โดยก่อนหน้านี้แม่นายเอได้ขอความช่วยเหลือมายัง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ และนางปวีณาได้ประสาน นางสาวนพพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง กลางดึกของวันที่ 25 มี.ค. ไปรับนายเอส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลระยอง และแม่นายเอได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองระยอง
ในวันนี้นางเล็กแม่นายเอ ได้พานางใหญ่ (นามสมมุติ) แม่ของนายบี อายุ 17 ปี (นามสมมุติ) เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ โดยนางใหญ่ กล่าวว่า นายบี ลูกชายกระทำผิดเสพยาเสพติด ศาลให้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งลูกชายหลบหนีออกจากสถานพินิจฯ มาพร้อมนายเอ เพราะทนไม่ไหว เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.2564 ที่ลูกเข้าไปสถานพินิจฯ วันแรก ถูกพ่อบ้านเตะเข้าที่ท้ายทอยแต่ไม่เป็นอะไรมาก
นางใหญ่ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามลูกนั้นบางวันลูกก็ได้กินข้าวแค่มื้อเดียว ซึ่งลูกของตนมีโรคประจำตัวคือ โรคจีซิกพีดี (G6DP) หรือโรคพร่องเอนไซม์จีซิกพีดี ตั้งแต่เกิดจึงไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น เมื่อร่างกายทนไม่ไหวลูกจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา ซึ่งตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเพราะเวลาไปเยี่ยมลูกจะวิดีโอคอลคุยกัน เพราะเป็นช่วงโควิดลูกก็จะสวมมาสก์ แต่ลูกก็มาบอกภายหลังว่ามีพ่อบ้านนั่งฟังอยู่จึงไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังรู้เรื่องจากลูกตนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองระยองแล้ว
นางเล็กเปิดเผยว่า ที่นายเอ ลูกของตนหลบหนีก็เพราะถูกพ่อบ้านเตะที่หน้าอกและบอกให้นายเอนั่งตัวตรง และทั้ง 2 คน บางวันก็ได้กินข้าวแค่มื้อเดียว ทั้งนี้ตนทั้งสองอยากจะพาลูกส่งเข้ารับการอบรมในสถานพินิจฯ ตามที่ศาลสั่ง แต่อยากจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการส่งตรวจร่างกาย และสอบสหวิชาชีพให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งหากเป็นไปได้อยากจะขอให้ช่วยย้ายสถานพินิจฯ เนื่องจากเกรงว่าหากกลับไปที่ระยองจะไม่ปลอดภัย จึงขอให้นางปวีณาช่วยประสานกระทรวงยุติธรรมให้ความปลอดภัยลูกชายด้วย
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ขอขอบคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ได้ช่วยติดตามการดำเนินงานตลอดเวลาด้วยความใส่ใจ และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นางสาวนพพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง และ พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง ที่บูรณาการทำงานร่วมกัน ดูแลใส่ใจปัญหาเป็นอย่างดี เพราะเด็กทั้ง 2 คน ยังต้องเข้าสถานพินิจฯ เพื่อรับการอบรมละลายพฤติกรรมต่อไป และขอขอบคุณ นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยอง ที่ให้การดูแลรักษานายเอเป็นอย่างดี และรักษานายเอที่มีภาวะเลือดออกในกระเพาะอย่างดียิ่ง
นางปวีณา กล่าวอีกว่า ย่อมทราบดีว่าเยาวชนที่เข้าสถานพินิจเป็นเด็กที่กระทำความผิด ดังนั้นสถานพินิจคือ สถานที่อบรมกล่อมเกลาพฤติกรรมให้เขากลับมาเป็นพลเมืองดี เราจึงควรให้โอกาสเขาเหล่านั้น เมื่อเยาวชนรายนี้ได้ร้องขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะเขากำลังบาดเจ็บไม่สบายก็ควรจะต้องใส่ใจดูแลให้การรักษา สำหรับเรื่องคดีผิดถูกอย่างไรก็ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการทุกท่านที่ตั้งใจทำงานและใส่ใจเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
และในวันเดียวกันนี้เวลาประมาณ 13.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้พานางเล็ก และนางใหญ่ แม่ของเยาวชนทั้งสองคนเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อประชุมหารือกับผู้บริหารกระทรวงฯ โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้การต้อนรับ และร่วมประชุมหาแนวทางช่วยเหลือ