นายกฯย้ำ รัฐบาลไม่ได้ถังแตก -ห่วงสงกรานต์ขอคุมเข้มโควิด-19

นายกฯย้ำ รัฐบาลไม่ได้ถังแตก -ห่วงสงกรานต์ขอคุมเข้มโควิด-19

นายกฯย้ำ รัฐบาลไม่ได้ถังแตก -ห่วงสงกรานต์ขอคุมเข้มโควิด-19
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกรอบรัฐบาลไม่ได้ถังแตก ไม่มีประกาศขึ้น Vat อย่าหลงเชื่อข่าวบิดเบือน ตั้งเป้า GDP4% กำลังพิจารณาคนละครึ่งเฟส 3

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวผ่าน PM Post Card นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการช่วยเหลือประชาชน โดยย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ถังแตก และยังไม่มีประกาศให้ขึ้น vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มใดๆ ขออย่านำเสนอข่าวหรือหลงเชื่อข่าวที่บิดเบือน ขณะเดียวกัน ปีนี้มีเป้าหมายให้ GDP ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4% โดยอาศัยการส่งออก 8 % การลงทุนภาครัฐ 12% รวมถึงการบริโภคของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาโครงการต่างๆ เช่น คนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน เราเที่ยวด้วยกันก็ช่วยกระตุ้นได้มากขึ้นและขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 3 โดยย้ำว่าโครงการเหล่านี้เป็นการกระตุ้นให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบไม่ใช่การแจกเงิน ทั่วไป และจากนี้จะมีการหามาตรการเพิ่มเติมให้คนที่มีเงินฝากจำนวนมากให้ออกมาช่วยกันจับจ่ายใช้สอย

อย่างไรก็ตาม ในปี 2564 และปี 2565 ถือเป็นช่วงรอยต่อการปรับตัวทางเศรษฐกิจเพราะช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาไทยได้ลงทุนวางรากฐานพัฒนาด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน กว่า 160 โครงการ แม่แบบการดำเนินการจะมีการกู้เงินบ้าง แต่จากนี้ไปจะเริ่มงอกเงยโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ การสร้างถนนหนทางการลงเคเบิ้ลใต้น้ำ จะทำให้การลงทุนเหล่านี้นำรายได้กลับมายังรัฐบาลในอนาคต พร้อมผลักดัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะให้ได้ภายใน 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ไทยจะต้องเป็นฮับ สร้างได้ในอนาคต รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเทคโนโลยีการแพทย์ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ รองรับคนทั่วโลก ดูแลนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ส่งเสริมอุตสาหกรรม Digital และการดูแลพี่น้องชาวเกษตรกร ด้วยการเร่งแก้ปัญหาน้ำ เพิ่มต้นทุน เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร มีตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับ

นายกฯยันเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน มีแผนจัดหาอย่างเพียงพอ ไม่ได้ปิดกั้นการขึ้นทะเบียนใช้ในไทย หากปลดล็อคพร้อมให้เอกชนนำเข้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนและการกระจายวัคซีน covid 19 โดยยืนยัน ไทย ได้รับ วัคซีนชิโนแวค ล็อตแรก 200,000 astrazeneca 110,000 โดส โดยเริ่มฉีดเข็มแรกไปแล้ว 158,497 ราย เข็มที่ 2 33,248 ราย มีผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ 4 ราย ส่วนรายที่เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัว ทั้งนี้ การฉีดจะครอบคลุมพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคและมีความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อสูงรวม 13 จังหวัด ขณะเดียวกัน ได้มีการกระจายวัคซีน ซีโนเวค 800,000 โดส ไปยังกลุ่มเป้าหมาย 77 จังหวัด โดยควบคุมการระบาด 6 จังหวัด 300,000โดส ฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดชายแดน 300,000 โดส และกระจาย 55 จังหวัดอีก 200,000 โดส

ทั้งนี้ ยืนยันรัฐบาลมีแผน จัดหาวัคซีน ให้คนไทยอย่างเพียงพอและทั่วถึง โดยจะดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด จึงขอให้ประชาชนใช้ Application ลงทะเบียนขอฉีดเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนให้ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลตำบลหรือ อสม .พร้อมย้ำปัจจุบันวัคซีนทุกที่ ทั่วโลก เป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะระบาดรุนแรงจึงไม่มีวัคซีน รายใดส่งผลในระยะยาว และผลวิจัยรับรองเป็นเพียงระยะสั้น ดังนั้น รัฐบาลทุกประเทศต้องเป็นผู้กำกับดูแลการนำเข้าผ่านหน่วยงานวัคซีนของประเทศก่อนเพราะยังไม่เปิดให้เอกชนสั่งซื้อได้โดยตรง จะต้องผ่านหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ส่วนวัคซีนที่อย.ผ่านการรับรองให้ขึ้นทะเบียนใช้อย่างถูกต้องมี 3 รายคือ zinovac astrazeneca Johnson & Johnson

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดกั้นการขึ้นทะเบียนและการใช้วัคซีนในไทย และเมื่อมีการปลดล็อคได้รัฐบาลก็พร้อมอนุญาตให้ภาคเอกชนสั่งซื้อและนำเข้าเองได้สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนรัฐบาลจึงมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแบ่งเป็น 4 ระยะเพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศและสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น

นายกฯขอความร่วมมือจัดสงกรานต์รักษาประเพณีควบคู่ป้องกันโควิด มั่นใจท่องเที่ยวคึกคักกว่าตรุษจีน เป็นห่วงหยุดยาว ขอให้ระมัดระวังเดินทาง เมาไม่ขับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอความร่วมมือในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ยังอยู่ในช่วงของสถานการณ์ covid-19 ระบาดจึงจำเป็น ต้อง จัดประเพณีสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทย ควบคู่ไปกับการคุมโรคระบาดแบบ New Normal โดยปีนี้หยุดยาวถึง 6 วันคือวันที่ 10 ถึง 15 เมษายนเพื่อให้คนไทยได้พักผ่อนท่องเที่ยวอยู่กับครอบครัวจึงอยากให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย ภายใต้แคมเปญสงกรานต์วิถีใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทยที่ยึดหลักปฏิบัติ จัดกิจกรรมในพื้นที่โล่งแจ้งจัดพิธีรดน้ำดำหัวเว้นระยะห่างและสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา พร้อมให้งดเว้นการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก งดรวมกลุ่มเล่นน้ำสงกรานต์งดปะแป้งงดการปาร์ตี้สังสรรค์ เพื่อให้มีการควบคุมโรคระบาดมีประสิทธิภาพ จึงอยากเห็นสงกรานต์ปีนี้คนไทยเข้าวัดทำบุญ เที่ยวกับครอบครัว และหันมาใส่ชุดไทย

ส่วนการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วง โดยขอให้ระมัดระวังตัวเองและครอบครัวเตรียมพร้อมการเดินทาง ตรวจเช็คยานพาหนะที่พร้อมใช้งาน เมาไม่ขับ ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีจุดบริการหน่วยงานของรัฐ ที่ตรวจสมรรถนะของรถการดูแลสุขภาพอนามัย ทั้งถนนสายหลักสายรองพร้อมขอให้เคารพกฎหมาย ระมัดระวังการขับขี่ที่เร็วโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ มีสถิติสูญเสียมากในทุกปี

ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ประเมินว่าสงกรานต์ปีนี้ จะมีความคึกคักกว่าช่วงตรุษจีนและปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะเป็นช่วงที่คนเดินทางท่องเที่ยวกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดมากที่สุด อีกทั้งมีโครงการต่างๆ มาสนับสนุนทำให้คนไทย เที่ยวในประเทศ 3.2 ล้านคน และจะสร้างรายได้ หมุนเวียน อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท

นายกฯยันดูแลผู้อพยพชาวเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม ขอให้สถานการณ์สงบโดยเร็ว ไม่มีการใช้ความรุนแรง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันไทยดูแลผู้อพยพชาวเมียนมาร์ตามหลักมนุษยธรรม จึงขอให้มั่นใจว่าไทยมีประสบการณ์รับมือกับผู้อพยพจากต่างประเทศมานาน และที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือผู้หนีภัยตามหลักสากลมาโดยตลอด โดยหน่วยงานความมั่นคงของไทยตามแนวจังหวัดชายแดนได้เตรียมความพร้อม พื้นที่รองรับ
และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด covid-19 ส่วนสถานการณ์ในเมียนมาร์ ก็ขอให้สงบโดยเร็ว ไม่มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น ปัญหาก็จะลดลงซึ่งความขัดแย้งและการแพร่ระบาด covid-19 ในเมียนมาร์นั้น จะส่งผลให้เกิดการระบาดรอบใหม่ในไทย ที่มาจากแรงงานต่างด้าวหากมีกระบวนการลักลอบเข้าประเทศ ดังนั้น ผู้ที่ลักลอบและผู้ที่นิยมใช้แรงงานต่างด้าว นายกรัฐมนตรี เตือนนายหน้า สถานที่ประกอบการ เจ้าหน้าที่ ที่คิดจะกระทำความผิดเพราะโลภ เห็นแก่ตัว เพราะรัฐบาลจะดำเนินการ แบบเอาจริง

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังห่วงสถานการณ์น้ำ โดยในปี 2563 รัฐบาลวางแผนการใช้น้ำจากโครงการชลประทานขนาดใหญ่ ขนาดกลางทั่วประเทศในฤดูแล้ง เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด และได้ใช้น้ำไปแล้ว 74 เปอร์เซ็นต์ของแผนการจัดสรรน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังพอรับมือได้แต่มีบางพื้นที่นอกเขตชลประทาน ได้สั่งการให้เตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือในพื้นที่นาปรังและน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชนแล้ว ดังนั้น จึงต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับฤดูฝนที่จะมาถึงด้วย พร้อมยืนยันรัฐบาลมีแนวทาง นโยบายและสั่งการไปแล้ว ให้เร่งรัดการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำให้ต่อเนื่อง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook