จ่อชง ศบค. ปรับ กทม.และจังหวัดรอบข้าง รวม 5 จังหวัดเป็นโซนสีแดง ปิดผับ 3 ทุ่ม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาด ของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 194 ราย จาก 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มผู้ต้องขัง ในจังหวัดนราธิวาส และการแพร่ระบาดในสถานบันเทิง ทำให้ ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข กรณีไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มีการประชุมด่วน และพิจารณา ปรับโซนสีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในกรณีของผู้ต้องขัง จังหวัดนราธิวาส เชื่อว่าจะไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากมีประสบการณ์การควบคุมโรค กรณีผู้ต้องกัก ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบางเขน และใช้มาตรการ Bubble and Seal ควบคุมในพื้นที่จำกัด
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มที่มีการระบาดในสถานบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น นักเที่ยว พนักงาน นักดนตรี ในพื้นที่รอบ ๆ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงนักเที่ยว และพนักงาน ได้มีการเดินทางไปหลายจังหวัด อาทิ เชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น, สุพรรณบุรี และอื่น ๆ
ดังนั้น ในช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงมีการประชุม คณะกรรมการด้านวิชาการ ตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ โดยที่ประชุมมีมติดังนี้
- มอบหมายให้ กรมควบคุมโรค ปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม, พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง หรือการปรับจังหวัดสี ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การดำเนินงานตามคำสั่ง ศบค. ได้ตรงกับสถานการณ์จริงในปัจจุบัน
- ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ขอให้ อสม. ในจังหวัดปลายทาง ติดตามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะจากกลุ่มสถานบันเทิง จากกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้ซักถามว่า มีการไปเที่ยวสถานบันเทิงหรือไม่ เพื่อแนะนำให้ไปตรวจเชื้อ และเฝ้าระวังควบคุมโรค ตามมาตรการที่แต่ละจังหวัดกำหนด
- มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ดำเนินการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง โดยเน้นสถานบันเทิง ผับ บาร์ โดยเฉพาะการคัดกรองสถานบันเทิงต่าง ๆ ให้ครบถ้วน โดยพบว่ามีสถานบันเทิงกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งจะมีระบบเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอ
- ให้ทุกจังหวัด เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยให้ อสม. เคาะประตูบ้าน ซึ่งวิธีนี้ ใช้ได้ผลมาแล้ว จากการควบคุมการระบาดครั้งที่แล้ว
- ให้โรงพยาบาลซักประวัติ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หากพบว่ามีความเสี่ยง ให้ตรวจหาเชื้อโควิด ทันที
- สั่งการให้ สถาบันบําราศนราดูร และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดให้บริการประชาชนทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด
- ให้ทุกจังหวัดพิจารณานำวัคซีนมาใช้ เพื่อการควบคุมโรค ตามคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
จากมติดังกล่าว ได้นำเสนอ ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ในกรณีไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในช่วงบ่าย โดยที่ประชุม สรุปมีมติ ดังนี้
การจัดระดับความเสี่ยงของสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยมีการจัดโซนสีใหม่ ดังนี้
จังหวัดพื้นที่สีแดง 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ และ นครปฐม
จังหวัดพื้นที่สีส้ม 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, ชุมพร, ตาก, ราชบุรี, ชลบุรี, สุพรรณบุรี, นราธิวาส และกาญจนบุรี
จังหวัดพื้นที่สีเหลือง 10 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครนายก, ฉะเชิงเทรา, เพชรบุรี, ระนอง, ระยอง, สงขลา, ยะลา และขอนแก่น
จังหวัดพื้นที่สีเขียว จังหวัดที่เหลือ 53 จังหวัด
สำหรับมาตรการควบคุม หลังการปรับโซนสี จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1. ร้านอาหาร 2. สถานบันเทิง ผับ บาร์ 3. ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า 4. สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา 5. สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งยืนฟิตเนส
มาตรการควบคุม จะเน้นพื้นที่สีแดง โดย ร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ จะเปิดไม่เกิน 21.00 น. ทานอาหารในร้านได้ แต่งดดื่มสุรา ส่วนศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ แต่ต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ และงดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ขณะที่สถานศึกษาทุกระดับ ให้เปิดเรียนแบบปกติและแบบผสมผสาน, สถานที่ออกกำลังกายเปิดบริการตามปกติและแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
ส่วนพื้นที่สีส้มเปิดร้านอาหาร และสถานบันเทิง ผับ บาร์ ได้ไม่เกิน 23.00 น. ทานอาหารและดื่มสุราในร้านได้ แต่ในส่วนของ สถานบันเทิง ผับ บาร์ ให้งดการเต้นรำ
พื้นที่สีเหลือง ร้านอาหาร และสถานบันเทิง ผับ บาร์ เปิดบริการได้ไม่เกิน 24.00 น. ทานอาหารและดื่มสุราในร้านได้ ส่วนพื้นที่สีเขียวเปิดบริการได้ตามปกติ โดยมาตรการดังกล่าว จะบังคับใช้ประมาณ 2 สัปดาห์ จากนั้นจะมีการประเมินอีกครั้ง
“ขอย้ำว่าไม่มีการห้ามการเดินทาง และไม่เน้นการกักตัว แต่เน้นย้ำการสร้างความเข้าใจเป็นหลัก โดยให้ฟังประกาศจาก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในจังหวัดนั้น เป็นผู้ประกาศเพิ่มเติม” นพ.โอภาส กล่าว