แฉรัฐบาลไบเดน เล็งเดินหน้าสร้างกำแพงกั้นชายแดน หลังคนลักลอบเข้าสหรัฐพุ่ง
วอชิงตัน ไทม์ส สำนักข่าวจากสหรัฐ รายงานเมื่อวันอังคาร (6 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ว่านายอะเลฮันโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน อาจกำลังพิจารณาเริ่มโครงการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนที่ติดต่อกับประเทศเม็กซิโกอีกครั้ง โดยอ้างว่าเพื่อเติมเต็มช่องว่างในการรักษาชายแดน
คำพูดดังกล่าวของนายมายอร์กาส เกิดขึ้นระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากมีผู้ถามขึ้นมาว่านายมายอร์กาสมีแผนการอย่างไรต่อกำแพงดังกล่าว
นายมายอร์กาส บอกอีกว่า แม้นายไบเดนสั่งให้ยกเลิกโครงการและระงับงบประมาณโครงการนี้ของกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้ตัดสินใจเป็นอย่างอื่นได้อยู่ เพื่อดำเนินการในส่วนที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จบางส่วน
ไม่ใข่แค่นั้น วอชิงตัน ไทม์ส ยังเผยอีกว่าเอกสารการประชุมดังกล่าว ยังระบุอีกว่า สำนักงานศุลากรและพิทักษ์ชายแดน ที่ดูแลโครงการก่อสร้างกำแพง ก็ส่งแผนการเดินหน้าโครงการดังกล่าวมาแล้วด้วย
กำแพงดังกล่าวก่อสร้างไปแล้ว 740 กิโลเมตร ในสมัยที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ โดยก่อสร้างจากเงินหลายส่วนที่รัฐสภาสหรัฐอนุมัติ และเงินอีกส่วนหนึ่งที่นายทรัมป์โอนมาจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ซึ่งการก่อสร้างส่วนใหญ่เกิดขึ้นในส่วนที่สิ่งกีดขวางกั้นอยู่แล้ว แต่เป็นการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นเพราะแบบเดิมนั้นหยุดคนให้ข้ามชายแดนมาไม่ได้
หลังจากนายโจ ไบเดน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือน ม.ค. ก็พบว่า มีผู้ลักลอบข้ามชายแดนภาคใต้ของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อเดือน ก.พ. พบว่า มีผู้ลักลอบข้ามแดนมาถึง 100,441 คน ซึ่ง 9,457 คนในกลุ่มนี้เดินทางมาพร้อมกับเด็ก
ส่วนเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรและพิทักษ์ชายแดน จับกุมผู้อพยพได้ถึง 171,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ