นายกฯ สั่งเร่งกระจาย ฉีดวัคซีนให้ประชาชน
วัคซีนซิโนแวคส่งถึงไทยอีก 1 ล้านโดส นายกฯ สั่งเร่งกระจายฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ได้ตามแผน เผยยอดจัดสรรวัคซีนให้หน่วยบริการสถานพยาบาลทั่วประเทศแล้ว 1,038,256 โดส
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเช้าของวันนี้องค์การเภสัชกรรมได้รับมอบวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค จำนวน 1 ล้านโดส ซึ่งเป็นการรับมอบล็อตที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การเภสัชกรรมดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เร่งด่วน จำนวน 2 ล้านโดส นอกจากนี้ ยังมีส่วนที่องค์การเภสัชกรรมได้สั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการส่งมอบในช่วงปลายเดือน เม.ย. นี้ อีก 5 แสนโดส เพื่อให้เพียงพอกับการกระจายวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุด
โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อสั่งการว่าเมื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามมาตรฐานต่างๆ แล้ว ขอให้ดำเนินการกระจายวัคซีนไปยังหน่วยบริการและสถานพยาบาลและดำเนินการฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ได้ตามแผน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
ในส่วนของสถานการณ์การให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูล ณ วันที่ 9 เม.ย. 2564 มีวัคซีนที่จัดสรรไปยังหน่วยบริการและสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,038,256 โดส แยกเป็นวัคซีนของซิโนแวค 952,205 โดส ของแอสตราเซนเนก้า 86,060 โดส
มีผู้ได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ.-9 เม.ย. 2564 ทั้งหมด 537,380 โดสใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ แยกเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 470,301 ราย เป็นวัคซีนของซิโนแวค 417,076 ราย แอสตราเซนเนก้า 53,225 ราย ในจำนวนนนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 195,483 ราย เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยย 47,219 ราย ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 25,563 ราย ผู้มีโรคประจำตัว 21,501 ราย ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 180,535 ราย
เป็นผู้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 67,079 ราย ทั้งหมดเป็นวัคซีนซิโนแวค ในจำนวนนี้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 32,368 ราย เจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 6,138 ราย ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป 10 ราย ผู้มีโรคประจำตัว 4,331 ราย และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 24,232 ราย
จังหวัดที่มีการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ (113,367ราย) สมุทรสาคร (113,111ราย) ภูเก็ต (76,704ราย) สุราษฎร์ธานี (26,735ราย) ตาก (24,030ราย) สมุทรปราการ (23,646ราย) นนทบุรี (21,621ราย) ชลบุรี (14,711ราย) ปทุมธานี (14,184ราย) และระยอง (9,288ราย)