สธ.คาดหากไม่มีมาตรการใดๆ อาจมีผู้ติดโควิดสูงสุดวันละ 2.8 หมื่นราย
สธ.เผยแบบจำลองคณิตศาสตร์เพื่อคาดประมาณจำนวนผู้ป่วย #โควิด19 ในระยะ 1 เดือนข้างหน้า หากไร้มาตรการใดๆ อาจมีคนติดเชื้อสูงสุดวันละ 2.8 หมื่นราย
วันนี้ (11 เมษายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 967 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 530 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 434 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย ทำให้การติดเชื้อระลอกตั้งแต่วันที่ 1-11 เมษายน 2564
มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,762 ราย (ติดเชื้อในประเทศ 3,661 ราย และจากต่างประเทศ 101 ราย) หายป่วยแล้ว 788 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 4,314 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ฉีดแล้ว 555,396 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 485,957 ราย และครบ 2 เข็ม 69,439 ราย
“ขณะนี้ประเทศไทยมีการติดเชื้อแล้ว 70 จังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงจากสถานบันเทิง ดังนั้น ผู้ที่เคยไปสถานบันเทิงต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการอย่างน้อย 14 วันจากวันที่ไปครั้งสุดท้าย หากมีอาการขอให้ไปตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว และระมัดระวังตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่คนอื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กในครอบครัว” นายแพทย์โสภณกล่าว
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า กองระบาดวิทยา และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศทำแบบจำลองคณิตศาสตร์เพื่อคาดประมาณจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในระยะ 1 เดือนข้างหน้า โดยเปรียบเทียบ 5 สถานการณ์ที่มีการเพิ่มมาตรการเป็นขั้น พบว่า
1.หากไม่มีมาตรการใดๆ เลยปล่อยให้การติดเชื้อเป็นไปโดยธรรมชาติ ผู้ติดเชื้อต่ำสุด 1,308 รายต่อวัน สูงสุด 28,678 รายต่อวัน เฉลี่ย 9,140 รายต่อวัน
2.กรณีมีมาตรการปิดสถานบันเทิง 41 จังหวัด ต่ำสุด 817 รายต่อวัน สูงสุด 7,244 รายต่อวัน เฉลี่ย 2,996 รายต่อวัน ลดลง 32.8 เปอร์เซ็นต์
3.ปิดสถานบันเทิงและเพิ่มมาตรการส่วนบุคคล เช่น สวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ เว้นระยะห่าง ล้างมือ สแกนไทยชนะ ติดเชื้อต่ำสุด 476 รายต่อวัน สูงสุด 1,589 รายต่อวัน เฉลี่ย 934 รายต่อวัน การติดเชื้อลดลงอีก 10.2 เปอร์เซ็นต์
4.กรณีปิดสถานบันเทิง มีมาตรการส่วนบุคคล และลดกิจกรรมการรวมตัว หรือจัดงานปลอดภัยมากขึ้น จำกัดคนเข้าร่วม ผู้ติดเชื้อต่ำสุด 378 รายต่อวัน สูงสุด 857 รายต่อวัน เฉลี่ย 593 รายต่อวัน ลดลงอีก 6.5 เปอร์เซ็นต์
5.กรณีปิดสถานบันเทิง มีมาตรการส่วนบุคคล ลดกิจกรรมรวมตัว และเพิ่มมาตรการองค์กรหลังสงกรานต์ เช่น ทำงานที่บ้าน การแพร่เชื้อก็จะลดลงอีก โดยติดเชื้อต่ำสุด 303 รายต่อวัน สูงสุด 483 รายต่อวัน เฉลี่ย 391 รายต่อวัน ลดลงอีก 4.3 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ การควบคุมโรคโควิด 19 ต้องอาศัย 4 มาตรการ ได้แก่
1.มาตรการสังคม คือ ลดกิจกรรมชุมนุมสังสรรค์ ลดการเดินทางข้ามจังหวัดที่ไม่จำเป็น ผู้นำชุมชนค้นหาติดตามผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง
2.มาตรการสาธารณสุข คือ คัดกรองเชิงรุก นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่การรักษา ลดโอกาสการแพร่เชื้อต่อ ป้องกันการเสียชีวิตในผู้ที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง
3.มาตรการส่วนบุคคล คือ การสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ ตรวจวัดอุณหภูมิ หากมีอาการสงสัยตรวจหาเชื้อ ส่วนผู้ที่ประวัติเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน
4.มาตรการองค์กร เน้นย้ำการทำงานจากที่บ้าน จัดประชุมหรือจัดการเรียนการสอนออนไลน์
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า นโยบายของรัฐบาลให้ผู้ติดเชื้อโควิด 19 เข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อต่อ ดังนั้น การบริหารจัดการเตียงรองรับผู้ติดเชื้อ จึงมีการเปิดสายด่วน 1668 และ 1330 เพื่อประสานจัดหาเตียงให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีเตียง นอกจากนี้ มีการทำตึกผู้ป่วยสำหรับดูแลผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ (โคฮอร์ดวอร์ด) , Hospitel และโรงพยาบาลสนาม เช่น กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลมากกว่าพันเตียง โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ตั้งโรงพยาบาลสนามแล้ว 470 เตียง เป็นต้น เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อที่อาการดี ทำให้โรงพยาบาลปกติมีเตียงรองรับในการรักษาผู้ติดเชื้อมีอาการรายใหม่เพิ่มขึ้นได้
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประชาชนทั่วไป จะเริ่มเมื่อมีวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้าเซนเนก้าในเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งเป้าฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส ซึ่งประชาชนสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ทางแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 โดยสถานพยาบาลจะนัดมารับวัคซีนตามกำหนดต่อไป