สธ.เร่งเก็บตกผู้ป่วยโควิดเข้าระบบ "สาธิต" ยันเตียงมีพร้อม
“รมช. สาธิต” ยัน สธ.เร่งเก็บตกผู้ป่วยติดเชื้อที่ยังไม่เข้าระบบการรักษา คาด 7 วันหมด แก้ปัญหาขาดแคลนเตียงทั้งระบบแล้ว ยอดพุ่งวันละ 1.5พันยังรับไหว
นาย สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ถึงการเดินหน้าทำงานควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 ว่า หลังจากมาตรการที่เข้มข้นเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (18 เม.ย.) ก็ขอความร่วมมือทุกฝ่ายปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะหากไม่ปฏิบัติตาม แม้จะมีมาตรการที่เข้มงวดเด็ดขาดมากแค่ไหนก็ไม่สามารถควบคุมโรคได้
แต่หากประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือ สวมหน้ากาอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างเหมือนเดิมในช่วงแรก สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้นโดยเร็ว ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 1,500 รายต่อวัน นั้น ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่จะรับมือไหว และมีแผนรองรับหากตัวเลข พุ่งไปถึงวันละ2,000 หรือ 2,500แล้วเช่นกัน แต่คงไม่ไปถึงขนาดนั้น และจะเร่งติดตามคนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่เข้าสู่ระบบการรักษาให้ได้ทั้งหมดภายใน 7 วัน
ส่วนเรื่องปัญหาขาดแคลนเตียงนั้น ก็ได้มีการพยายามแก้ปัญหาทั้งระบบ จะมีการเช็คอัพเดทจำนวนเตียงว่างทุกวัน ในเวลา 18.00 น. ของโรงพยาบาลทุกสังกัด และมีการจัดระบบรับส่งผู้ป่วย เพื่อบริหาร จัดการเตียง ซึ่งใน กทม.มีการเตรียม Hospitel ไว้รองรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง หรือไม่แสดงอาการแล้ว กว่า 4,000 ห้อง ซึ่งจะสามารถลดการขาดแคลนเตรียมทั้งใน รพ. ของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนได้รวมถึงยังมี รพ.สนาม สำรองไว้อีก จึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอีกอย่างแน่นอน
กรมควบคุมโรคระบุวางแผนหลังสงกรานต์ระดมฉีดวัคซีนโควิดให้เร็วขึ้น ขณะคาดสิ้นเดือนเม.ย.ผู้ติดเชื้อลดลง
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าตั้งแตวันที่ 1 เม.ย.ถึงวันนี้18 เม.ย. ได้ฉีดไปแล้วรวมกว่า 6 แสนโดส ซึ่งในช่วงสัปดาห์เทศกาลสงกรานต์มีประชาชนเข้ารับการฉีดน้อย ทำให้ยอดการฉีดวัคซีนยังขยับช้า แต่หลังสงกรานต์แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนในการฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน และที่ผ่านมาเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะฉีดวัคซีนในปริมาณมากๆ
แต่เนื่องจากตัววัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้มีจำกัด จึงทำให้ดูเหมือนว่าฉีดล่าช้า ซึ่งต่อไปในเดือนม.ย.จะมีล๊อตใหญ่มา 6ล้านโดส ตัวเลขของผู้ได้รับการฉีดจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์คาดว่าอีก 2สัปดาห์ หรือสิ้นเดือนเมษานี้ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลง หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เพราะขณะนี้เรามีมาตราการคุมเข้มพื้นที่18 จังหวัด ประกอบการตื่นตัวของประชาชนที่ระวังตัวเองมากขึ้นนั้นเอง