หนุ่มระแวงเมียมีกิ๊กทางโซเชียล ปลิดชีพดับทั้งคู่ในปั๊มน้ำมัน ทิ้งลูกน้อย 3 คนให้กำพร้า
วันที่ 18 เม.ย.64 เวลา 13.30 น. ร.ต.ท.ศุภวัฒน์ มานะชัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีคนนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ ที่บริเวณลานจอดรถ ภายในปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสุวินทวงศ์ กม.ที่ 66 ด้านฝั่งขาเข้า กทม. ตั้งอยู่เลขที่ 36/2 ม.3 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจประจำตำบลและฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ มีโครงหลังคาเหล็กตู้ทึบด้านหลัง ลักษณะเป็นรถขนส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ จอดนิ่งอยู่ที่บริเวณกลางลานจอดรถ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประจำตำบลวังตะเคียน นำโดย ร.ต.อ.บุญรอด เกตตารมณ์ และ ดต.วะราพร ชาติรัมย์ เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดก่อนเป็นชุดแรก และพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นภายรถเนื่องจากมีหยดเลือดไหลลงมากองอยู่ที่พื้นคอนกรีตใต้ท้องรถ ภายในรถพบร่างของชายและหญิงนอนเอียงข้างทับกันอยู่ จึงเจ้าหน้าที่จากกองกำกับการพิสูจน์หลักฐาน สภ.จว.ฉะเชิงเทรา เดินทางมาเก็บรวมรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และร่วมกันชันสูตรพลิกศพพร้อมกับแพทย์เวรจาก รพ.พุทธโสธร
จากการสอบสวน น.ส.สุนันท์ พลรักษา อายุ 33 ปี แคชเชียร์ปั้มน้ำมัน พร้อมด้วยเพื่อนคนงานภายในปั้มทราบว่า พบรถคันดังกล่าวขับเข้ามาจอดอยู่ในบริเวณปั้ม ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. เห็นรถคันดังกล่าวยังไม่ยอมขับออกไป จึงได้พยายามที่จะเข้าไปเคาะกระจกเรียกเพื่อปลุกให้ตื่น เนื่องจากจะทำการกั้นแนวแผงเหล็ก เพื่อปิดปั๊ม แต่คนในรถไม่ยอมตื่น จึงเข้าใจว่าคนขับอาจจะเมาหนัก ก่อนที่จะแจ้งไปยังเจ้าของปั้มน้ำมันให้รับทราบ
ต่อมาในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ เมื่อตนเดินทางกลับเข้ามาทำงานกะบ่ายอีกครั้ง ยังพบรถยนต์คันเดิมจอดอยู่กับที่ในจุดเดิม จึงได้เดินไปเคาะกระจกเพื่อเรียกอีกครั้ง แต่คนในรถยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีก จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยทำการตรวจสอบ จนพบว่ามีเหตุฆ่ากันเสียชีวิตขึ้นภายในรถ ซึ่งในช่วงเย็นวานนี้ ช่วงก่อนพลบค่ำตนเองยังได้ยินเสียงดังคล้ายปืนดังขึ้น 2 ครั้ง แต่ตอนนั้นเข้าใจว่าชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับปั้มน้ำมันยิงปืนเล่น เนื่องจากมักมีเสียงลักษณะดังกล่าวดังขึ้นเป็นประจำ
จากการสอบปากคำพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในปั้มน้ำมัน พบว่าให้ข้อมูลตรงกันกับภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณปั้ม ที่ปรากฎภาพว่ารถคันนี้ได้ขับเข้ามาจอดในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. จริง ตรงตามที่คนในปั้มให้การ และไม่ได้ขยับเคลื่อนย้ายไปไหน ส่วนสาเหตุยังต้องรอการสอบสวนรายละเอียดอีกครั้ง พ.ต.อ.ณัฐจักร กล่าว
ขณะที่ นางประภา ซึ่งเป็นมารดาของ นายประพันธ์ อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิตภายในรถ กล่าวว่า บุตรชายทำงานเป็นคนขับรถขนส่งเวชภัณฑ์ให้แก่บริษัทผู้ผลิตน้ำยาล้างไต ซึ่งตั้งอยู่ในแถบตำบลศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ติดกัน โดยจะขับรถขนส่งสินค้าไปยัง รพ.ต่างๆ ทั่วประเทศ
โดยทราบว่ามาในระยะหลัง บุตรชายเริ่มมีปากเสียงกับฝ่ายของ น.ส.พรรณนิดา อายุ 28 ปี ภรรยาที่เสียชีวิตภายในรถด้วยกัน หลังจากเมื่อประมาณ 3 วันก่อน นายประพันธ์เห็นว่าในโซเชียลของฝ่ายภรรยา มีหนุ่มมาติดพันเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่ทั้งสองคนมีบุตรสาวฝาแฝดวัย 4 ขวบด้วยกัน 2 คน และบุตรชายวัยเพียง 1 ขวบเศษอีก 1 คนด้วยกันแล้ว แต่ไม่ได้เห็นว่ามีปากเสียงทะเลาะอะไรกันอย่างรุนแรง และไม่ได้ใช้กำลังในการตบตีหรือทำร้ายร่างกายกัน
ซึ่งล่าสุดบุตรชายยังได้ขับรถไปส่งน้ำยาล้างไต ยังที่ รพ.ใน จ.เชียงใหม่ และเพิ่งจะกลับมา โดยเมื่อค่ำวานนี้พบว่าไม่ยอมกลับเข้าบ้าน และเมื่อโทรศัพท์เข้ามาหาแต่ไม่มีคนรับสาย จนมาทราบว่ามีการก่อเหตุดังกล่าวนี้ขึ้น โดยบุตรชายอาจขับรถไปรับทางฝ่ายภรรยาออกมาจากที่ทำงานหลังจากกลับมาจาก จ.เชียงใหม่ ที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.วังตะเคียน ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนี้ ก่อนที่จะพาก่อเหตุสลดในครั้งนี้ขึ้น นางประภา กล่าว
หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการเก็บรวมรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว พบว่าผู้ตายมีอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า รุ่นจิ๋ว ไม่มีทะเบียนตกอยู่บนเบาะ 1 กระบอก และพบว่าฝ่ายชายได้ใช้อาวะปืนยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ เหนือใบหูขวาของฝ่ายหญิงประมาณ 8 ซม. จนกระสุนทะลุออกไปที่บริเวณหลังใบหูซ้าย 1 นัด ส่วนที่ขมับขวาเหนือใบหูของฝ่ายชายมีรูกระสุนปืนเจาะเข้า 1 นัดทะลุออกเหนือใบหูขวาเป็นแนวราบ
และมีหัวกระสุนสีเทาคล้ายตะกั่ว เจาะทะลุประตูรถไปตกยังบริเวณเพิงร้านค้าที่กำลังก่อสร้างใหม่ ห่างจากตัวรถออกไปประมาณ 30 เมตร 1 นัด โดยที่ใต้ท้องรถทางซ้ายใกล้ล้อหน้า พบกองเลือดหยดอยู่ 1 กองใหญ่ จึงเชื่อว่าทางฝ่ายสามีน่าจะไปรับทางฝ่ายภรรยาออกมาจากที่ทำงานหลังเลิกงาน ในเวลา 17.00 น. และขับรถเข้ามานั่งพูดคุยกันอยู่บนรถภายในปั้ม และอาจพูดคุยกันไม่จบจึงก่อเหตุขึ้น