ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ออกกฏเข้ม! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากาก ปรับไม่เกิน 2 หมื่น

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ออกกฏเข้ม! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากาก ปรับไม่เกิน 2 หมื่น

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ออกกฏเข้ม! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากาก ปรับไม่เกิน 2 หมื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ ออกประกาศใครออกจากบ้านไม่สวมหน้ากากอนามัย ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท เริ่มวันนี้ (20 เม.ย.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 เม.ย.) บรรยากาศช่วงเช้า ที่ชุมชนเคหะแห่งชาติ ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ฯ ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย อย่างเคร่งครัด เมื่อออกจากบ้านเรือน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ซึ่งในวันนี้เป็นวันแรกที่ทางจังหวัดใช้มาตรการจับปรับไม่เกิน 20,000 บาท

หลังจากนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ สฎ 0018.1/ว 2594 ลงวันที่ 19 เมษายน 2564 ถึงหัวหน่วยงาน นายอำเภอทุกอำเภอและนายกเทศมนตรีทุกแห่ง เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน 

โดยนายวิชวุทย์ ได้ลงนามในคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 2323/2564 ลงวันที่ 19 เมษายน 2564 ระบุว่า ตามที่ได้มีคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี กำหนดมาตรการให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ นั้น

เนื่องจากปัจจุบันพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทวีคูณ และกระจายตัวไปในทุกพื้นที่อย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันพบว่ายังมีประชาชนส่วนใหญ่ยังคงละเลยในการให้ความสำคัญกับมาตรการ อาทิ การไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน อันเป็นสาเหตุสำคัญของความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ 

ดังนั้นเพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเป็นรูปธรรม จึงมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนักของตน

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งการดำเนินการตามคำสั่งนี้เป็นกรณีที่มีสถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยเนิ่นข้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ด้าน ป้าเล็ก ชาวบ้านรายหนึ่ง บอกว่า มาตรการนี้จะไม่ได้ผล ถ้าไม่มีการตรวจจับอย่างเคร่งครัด ซึ่งคิดว่าประชาชนต้องมีจิตสำนึกต้องร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย ต้องป้องกันตัวเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook