สุดเฮี้ยน ศพหนุ่มคลั่ง พระเผยวิญญาณวนเวียนบนศาลา ลากเก้าอี้ดังสนั่น

สุดเฮี้ยน ศพหนุ่มคลั่ง พระเผยวิญญาณวนเวียนบนศาลา ลากเก้าอี้ดังสนั่น

สุดเฮี้ยน ศพหนุ่มคลั่ง พระเผยวิญญาณวนเวียนบนศาลา ลากเก้าอี้ดังสนั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พระเผยวิญญาณ "หนุ่มคลั่ง" วนเวียนบนศาลาลากเก้าอี้ดังสนั่น หลังญาติคาใจสาเหตุการตาย เก็บไว้ไม่เผาพร้อมส่งชันสูตรใหม่อีกรอบ

กรณี นายดลรวี วัย 30 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่ง และเสียชีวิตขณะกู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่างทอง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวและเกิดการขัดขืน จนต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย ในการช่วยกันจับกุมตัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

ซึ่งทางญาติติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ที่ใช้เข่าในการกดตัวนายดลรวี และสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ให้นายดลรวีเสียชีวิต ซึ่งทางญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ วัดสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

โดยมีญาติๆ เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก แต่หลังจากทำพิธีเผาหลอกแล้วทางญาติได้เก็บศพของนายดลรวีไว้ที่ศาลาวัดดังกล่าวอีกครั้ง เนื่องจากเห็นสภาพศพของนายดลรวีแล้วยังติดใจสาเหตุการตายและไม่มั่นใจการชันสูตร

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงเก็บศพไว้และรอให้ทำพิธีทางศาสนาและทำบุญจนแล้วเสร็จก่อน และช่วงค่ำที่ผ่านมาทางญาติๆ ได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยอ่างทองนำศพส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อชันสูตรใหม่อีกรอบ 

ขณะที่เกิดเรื่องราวของเฮี้ยนของศพนายดลรวีที่เก็บไว้บนศาลาเล็กภายในวัดสี่ร้อย เมื่อมีผู้ได้ยินเสียงลากเก้าอี้พลาสติกซึ่งตั้งอยู่ข้างโลงเย็นที่บรรจุศพของนายดลรวี โดย พระกนก อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า หลังงานเผาศพเสร็จแล้วและนำศพเก็บเข้าโลงเย็นเพื่อรอญาตินำไปชันสูตร

พอดีที่วัดมีงานศพที่ศาลาใหญ่ที่อยู่ใกล้กัน ทางเจ้าภาพต้องการใช้เก้าอี้จึงมาถามตน ตนจึงให้ไปยกที่บริเวณใกล้โลงเย็นด้านหลังศาลาการเปรียญหลังเล็ก

ปรากฏว่าคนที่ไปยกมาเล่าให้ฟังว่าขณะที่เดินเข้าไปจะเข้าศาลาได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้ในศาลาดังลั่นทั้งๆ ที่ไม่มีคนอยู่ จึงกลับมาบอกพระให้ไปดู ซึ่งเมื่อไปดูก็ไม่เจอใคร ตนเองก็เลยบอกขึ้นมาลอยๆ ว่า "ไม่ต้องมาช่วยเขาขนเก้าอี้ ให้กลับบ้านไปหาลูกเมียเถอะ" ซึ่งหลังจากคืนนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอีกเลย 

ด้าน นางพรสม มารดาของนายดลวรี ซึ่งยังทำใจไม่ได้และเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุทำให้ลูกของตนเองเสียชีวิต ยืนยันที่จะเดินหน้าหาความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังงัยก็จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด  

ขณะที่ นางภัคนิจ อายุ 30ปี ภรรยาของนายดลรวี เปิดเผยว่า จริงๆ วันนั้นก็ตั้งใจจะเผาแล้ว แต่เมื่อนำศพลงมาแล้วญาติๆ เข้าไปดูกันพบจุดผิดสังเกตหลายอย่าง จึงปรึกษากันและตัดสินใจที่จะเก็บศพไว้เพื่อชันสูตรอีกครั้ง

ซึ่งวันที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งศพนายดลรวีพิสูจน์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ทางญาติๆ ก็ยังงงกันอยู่ว่าทำไมถึงไม่ส่ง รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าถ้าไม่ส่งโรงพยาบาลตำรวจก็จะไม่ส่งชันสูตรให้ทำให้ญาติต้องยอม แต่ก็ยังติดใจอยู่จึงตัดสินใจเก็บศพไว้ส่งพิสูจน์เองเพื่อจะหาข้อเท็จจริงต่อไป 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook