เรือนจำเชียงใหม่ พบนักโทษติดโควิดแล้ว 144 ราย สธ.ส่งทีมสมุทรสาครสนับสนุน

26 เม.ย. 64 (13:49 น.) พิมพ์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

วันที่ 26 เม.ย. ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรคโควิด 19 จังหวัดเชียงใหม่ นายปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่

นายปรีชา เปรมปรี รองอธิการบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้พบการระบาดในเรือนจำในหลายจังหวัด จึงต้องพยายามควบคุมไม่ให้แพร่ระบาด เนื่องจากกลุ่มเรือนจำถือเป็นกลุ่มเปราะบาง มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและเสียชีวิตได้ง่ายจึงต้องเร่งดำเนินการควบคุมโรค โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมจากจังหวัดสมุทรสาครที่มีประสบการณ์มาช่วยสนับสนุน โดยนำแนวทางในหลายจังหวัดมาเรียนรู้และปรับใช้ในการป้องกันแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ต้องขังและป้องกันการระบาดสู่เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ

นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า พื้นที่เรือนจำเป็นบริบทเฉพาะที่จะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตสูง จึงต้องให้ความสำคัญในการคัดกรองและให้การรักษาอย่างรวดเร็ว โดยใช้มาตรการบับเบิลแอนด์ซีล ที่เคยใช้ที่จังหวัดสมุทรสาคร และ นำไปใช้ที่เรือนจำนราธิวาส พบว่าสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำเชียงใหม่ นอกจากบุคลาการทางการแพทย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดข้าเคียง ขณะกรมราชทันฑ์ได้ขอความร่วมมือเสริมกำลังจากเรือนจำข้างเคียงและกองทัพที่จะเข้ามาสนับสนุนด้วย

ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อจะได้รับการดูแลอย่างดีภายใต้มาตรฐาน และ แนวทางบับเบิลแอนด์ซีลจะทำให้เรือนจำกลับมาเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 28 วัน

ด้านนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีรายงานผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อ 144 คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด 6,404 คน และ มีเจ้าหน้าที่ติดเชื้ออีก 2 คน โดยทางเรือนจำใช้แดน 6 ที่มีพื้นที่แยกสัดส่วนชัดเจนจากแดนอื่น ๆ เปิดโรงพยาบาลสนาม จึงให้ความมั่นใจได้ว่าอยู่ในการควบคุมและไม่แพร่ระบาดไปสู่แดนอื่น