เซ็นทรัล เสนอใช้ศูนย์การค้า 23 สาขา เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน

เซ็นทรัล เสนอใช้ศูนย์การค้า 23 สาขา เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน

เซ็นทรัล เสนอใช้ศูนย์การค้า 23 สาขา เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ศูนย์การค้าเซ็นทรัล" เสนอตัวให้รัฐใช้พื้นที่ของศูนย์การค้า 23 สาขาทั่วประเทศ เป็นสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิดให้กับประชาชน หวังช่วยกระจายให้ทั่วถึงทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็วที่สุด

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กล่าวว่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีความพร้อมเต็มที่ในการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของ CPN รวม 23 สาขา (จาก 33 สาขาทั่วประเทศ) ที่มีศักยภาพในการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ เพื่อเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็วที่สุด

“การเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ ดังนั้นในสถานการณ์นี้ เราพร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวก โดยเสนอให้ใช้ศูนย์การค้าของเราซึ่งมีพื้นที่ใหญ่ บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีมาตรการสะอาดปลอดภัย ไม่แออัด สะดวก และกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เป็นสถานที่สนับสนุนกระบวนการกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด” นายปรีชา ระบุ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนในการหาแนวทางเพื่อจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทและร้านค้า ที่ต้องให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าอย่างเร่งด่วน และสนับสนุนโครงการจัดหาวัคซีนของภาคเอกชน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยไปสู่จุดที่เกิด "ภูมิคุ้มกันหมู่" (Herd Immunity) สร้างสุขอนามัยและความแข็งแรงให้กับประชาชนทั่วประเทศต่อไปโดยเร็วที่สุด

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPN กล่าวว่า ในเวลาวิกฤตการณ์สำคัญเช่นนี้ เราคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องสร้างความสมดุลให้ความช่วยเหลือดูแลประคับประคอง และสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้วางแผนโรดแมปในการช่วยลดภาระภาครัฐในด้านสุขภาพของคนไทย พร้อมช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ และฟื้นฟูความเชื่อมั่น เดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศต่อไปเพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ใน 3 แนวทาง ได้แก่

1. แนวทางเร่งด่วนเพื่อรอดพ้นในระยะยาว สนับสนุนพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตปกติ และฟื้นเศรษฐกิจในระยะยาวได้

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้มีการศึกษาและมีความพร้อมเต็มที่ในการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของเรารวม 23 สาขา (จาก 33 สาขาทั่วประเทศ) ที่มีศักยภาพในการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็วที่สุด โดยเรามีต้นแบบการใช้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเป็นแห่งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2564 ที่เซ็นทรัล ระยอง โดยร่วมกับโรงพยาบาลระยอง ได้รับผลตอบรับที่ดีและมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

2. มีแผนในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทและร้านค้าในศูนย์การค้าอย่างเร่งด่วน โดยเราได้นำร่องฉีดวัคซีนให้พนักงานที่ให้บริการลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต ไปแล้ว ซึ่ง 85% ของพนักงานจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ภายในกลางเดือน พ.ค. 64 นี้ นับเป็นอัตราการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่มากกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่กำหนดไว้ที่ 70% เพื่อเตรียมเป็นศูนย์การค้าแรกของไทยที่พนักงานให้บริการลูกค้าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมทั้งร่วมมือกับจังหวัดภูเก็ต เป็น Role Model ในการเร่งฟื้นภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยวต่อไปหลังสถานการณ์คลี่คลาย

โดยเรามีความมุ่งมั่นในการช่วยลดภาระภาครัฐ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประเทศไปสู่จุดที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความพร้อมและจุดแข็งในด้านต่างๆ ได้แก่

  • เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดกับชุมชน ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้สะดวกในการมารับบริการฉีดวัคซีน มีความพร้อมเป็น Provincial Vaccination Centers เพื่อช่วยเร่งกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ โดยปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 สาขา และต่างจังหวัด 18 สาขา อีกทั้งศูนย์การค้าแต่ละสาขายังให้ความร่วมมือและมีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการท้องถิ่นมาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดขั้นตอนและเร่งการจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมรองรับประชาชนได้
  • สถานที่มีความพร้อม สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ ไม่แออัด สะอาดปลอดภัย โดยในทุกสาขามีพื้นที่ส่วนกลาง หรือ Convention Hall ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งมีการบริหาร Social Distancing อย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด

โดยมีมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยขั้นสูงสุดตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ทั่วทั้งศูนย์การค้า ได้แก่

  1. การคัดกรองอย่างเข้มงวด
  2. ยกระดับมาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด
  3. การติดตามเพื่อความปลอดภัย
  4. การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส และ
  5. แนวทางลดการสัมผัส (Touchless)

รวมถึงการยกระดับความเข้มงวดในการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV-C ตลอดเวลาในระบบอากาศ, เช็ดฆ่าเชื้อตลอดเวลาด้วยน้ำยาที่มีการรับรองระดับสากลว่ามีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโควิด-19 และเพิ่มความถี่ฆ่าเชื้อในห้องน้ำทุก 30 นาที เป็นต้น ซึ่งจะสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้มารับการฉีดวัคซีนได้

สำหรับแนวทางประคับประคองคนไทย ช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในระหว่างที่สถานการณ์ยังวิกฤต

  • กลุ่มคู่ค้าร้านค้าของศูนย์การค้าที่มีกว่า 15,000 รายทั่วประเทศ: ช่วยเหลือดูแลค่าเช่าตามความเหมาะสมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 และเปิดโอกาสให้เข้าถึงช่องทางการขายแบบ Omnichannel เช่น Chat & Shop, Drive-Thru และ Take Away Delivery และแคมเปญกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง

  • กลุ่มผู้ประกอบการ: เปิดพื้นที่การขายแก่ผู้ได้รับผลกระทบฟรีกว่า 40,000 ตร.ม. เพื่อช่วยเหลือ SMEs, เกษตรกร, และอาชีพต่างๆ ด้วยการจัดงาน ตลาดผลไม้รวมใจ, Revival Market อย่างต่อเนื่อง

3. แนวทางฟื้นฟูความเชื่อมั่น สร้างพลังบวก และกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังคลี่คลาย โดยกระตุ้นเงินสะพัดภายในประเทศ ด้วยการลดค่าครองชีพผู้บริโภค ผลักดันแคมเปญใหญ่ทั่วประเทศ ’ไทยช่วยไทย รวมใจช้อป’ ส่งเสริมการจับจ่ายในประเทศ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 33 สาขาทั่วประเทศ พร้อมผนึกพันธมิตรทุกฝ่าย ทั้งธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ร้านค้า และพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับประเทศ อีกทั้งวางแผนการตลาดแบบ omnichannel ต่อเนื่องอีกกว่า 100 แคมเปญครอบคลุมตลอด 3 ไตรมาส ถึงสิ้นปี 2564

และจับมือธุรกิจแบบ Cross-Value Chain เร่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว โรงแรมและการบริการทั้งระบบ โดยมี Success Story จากความสำเร็จที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2564 ในการวางกลยุทธ์สนับสนุน ไทยเที่ยวไทย ในจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, พัทยา, สมุย ซึ่งช่วยสร้างเงินสะพัด และกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคต่อเนื่องในธุรกิจต่างๆ ที่เกื้อหนุนกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook