"รพ.สามเงา" จ.ตาก ขอเฉพาะคนมั่นใจฉีดวัคซีน "ซิโนแวค" หลังมีเคสพยาบาลเสียชีวิต

"รพ.สามเงา" จ.ตาก ขอเฉพาะคนมั่นใจฉีดวัคซีน "ซิโนแวค" หลังมีเคสพยาบาลเสียชีวิต

"รพ.สามเงา" จ.ตาก ขอเฉพาะคนมั่นใจฉีดวัคซีน "ซิโนแวค" หลังมีเคสพยาบาลเสียชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"รพ.สามเงา" จ.ตาก ขอเฉพาะคนมั่นใจฉีดวัคซีน "ซิโนแวค" ชี้ความเครียดจากความกลัวอาจเป็นปัจจัยให้เกิดความเสี่ยง

วานนี้ (26 เม.ย.) โรงพยาบาลสามเงา จังหวัดตาก แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลสามเงา ถึงแนวทางเพิ่มเติมในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในช่วงนี้ หลังจากพยาบาลรายหนึ่งที่ฉีดวีคซีนได้เสียชีวิตลง

เนื้อหาหลักในหนังสือแจ้งว่า แม้ผลการพิจารณาการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) กรณีการเสียชีวิตของพยาบาล สังกัดโรงพยาบาลสามเงา ภายหลังจากได้รับวัคซีนประมาณ 1 สัปดาห์ จะระบุว่า “สาเหตุของการเสียชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นเหตุการณ์ร่วม (Coincidental event)” ตามที่ทราบกันแล้ว

แต่ด้วยพยาบาลผู้เสียชีวิตอยู่กับโรงพยาบาลสามเงามา 30 ปี จึงเสมือนเป็นคนในครอบครัวของอีกหลาย ๆ ครอบครัวในอำเภอสามเงา ดังนั้นเพื่อนร่วมงาน คนใกล้ชิด คนเคยรู้จัก คนเคยได้รับการดูแล คนรู้ข่าว ฯลฯ เกิดความไม่มั่นใจหรือเกิดความกลัวในการฉีดวัคซีนมากกว่าคนอื่น ๆ ครั้นจะชะลอการฉีดไปก่อน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีคนอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังเชื่อมั่นและอยากฉีดวัคซีนตามกำหนดนัดหมายเดิม (โดยเฉพาะเข็มที่ 2 นั้น จากรายงานยังไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงในการฉีดเข็มที่ 2)

ดังนั้น การฉีดวัคซีนรอบนี้ ขอให้เป็นความสมัครใจจริง ๆ ผู้ใดยังเชื่อมั่นในวัคซีนซิโนแวคก็ฉีด ผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่น หรือกลัวในวัคซีนซิโนแวค ก็ยังไม่ต้องฉีดก็ได้ แต่หากเปลี่ยนใจอยากจะกลับมาฉีดก็กลับมาขอฉีดได้ สำหรับท่านที่กลัวการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะของบริษัทใด ก็ยังไม่ต้องมาฉีด เพราะความเครียดจากความกลัว อาจเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีนได้

รายงานข่าวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลสามเงา ได้โพสต์เอกสาร รายงานผลการพิจารณาอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค กรณีบุคลากรโรงพยาบาลสามเงา เสียชีวิต ภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด-19 เอกสารดังกล่าวระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นเหตุการณ์ร่วม

ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเดิมคือไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน ที่ไม่ได้กินยาสม่ำเสมอ ผลการชันสูตรพบเส้นเลือดหัวใจเส้นใหญ่ตีบ มีรอยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเดิม ร่วมกับผู้ป่วยมีประวัติเจ็บปวดสะบักด้านซ้ายเป็น ๆ หาย ๆ ซึ่งอาจเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมาก่อนแต่ที่ไม่เคยได้รับการรักษา นอกจากนี้อาการท้องเสียอาจเป็นเหตุเสริมทำให้ อาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นมากขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ญาติของพยาบาลผู้เสียชีวิตได้รับแจ้งว่าผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการ จะออกประมาณ วันที่ 28 เมษายน และบางข้อมูลที่คณะผู้เชี่ยวชาญสรุปนั้น ทางญาติยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ให้ข้อมูล อีกทั้งยังติดใจผลการสรุปสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook