หนุ่มพิการแขนขาลีบ เจอหมายเรียกหนีทหาร ทั้งที่สัสดีเคยมาตรวจถึงบ้านแล้ว

หนุ่มพิการแขนขาลีบ เจอหมายเรียกหนีทหาร ทั้งที่สัสดีเคยมาตรวจถึงบ้านแล้ว

หนุ่มพิการแขนขาลีบ เจอหมายเรียกหนีทหาร ทั้งที่สัสดีเคยมาตรวจถึงบ้านแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มพิการแขนขาลีบ เจอหมายเรียกหนีทหาร พ่อแม่กังวลกลัวมีคดีติดตัว ลูกออกจากบ้านไปพบตำรวจไม่ได้

จากกรณีที่โลกโชลเซียลในจังหวัดลำปางได้มีการแชร์ภาพและข้อความของผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งในภาพจะเห็นมีหนุ่มพิการถือหนังสือจากอำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง ให้ไปชี้แจงสาเหตุที่ไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ พร้อมโพสต์ข้อความ ฝากถึงท่านสัสดีจังหวัดลำปางตรวจสอบนะครับเห็นว่าน้องเขาถูกข้อหาหลบหนีการเกณฑ์ทหาร

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 2 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง พบกับนายเอกดนัย ใจกันทา อายุ 50 ปี และ นางสมพร ใจกันทา อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ นายกฤษฎา ใจกันทา อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นหนุ่มพิการแขนขาลีบเป็นผู้ป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตามในภาพ

พร้อมเปิดเผยว่าตนเองเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่เข้าใจเรื่องกฏหมายที่ผ่านมาลูกชายตนเองพิการตั้งแต่เล็กๆ แขนขาลีบ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ช่วงที่ปี 2560 ได้ไปยื่นขึ้นทะเบียนทหาร สด.9 ให้ลูกชายตามที่ผู้ใหญ่บ้านประกาศโดยพ่อเป็นคนไปยื่นเรื่องให้และบอกว่าลูกชายพิการติดเตียงก็ได้รับความสะดวกอย่างดีจากสัสดีอำเภอเสริมงาม ลงพื้นที่มาหาและตรวจสอบลูกชายตนเองถึงที่บ้าน

กระทั่งเมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 ที่ผ่านมาลูกชายตนเองถึงเวลาคัดเลือกทหารตนเองไม่ได้นำลูกชายไปคัดเลือกทหารแต่อย่างใด เนื่องจากคิดว่าคนพิการติดเตียงเขาคงไม่ต้องพาไปคัดเลือก เพราะเจ้าหน้าที่เคยมาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งถึงที่บ้านประกอบกับลูกชายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องคอยดูดเสมหะ และให้ออกซิเจนเมื่อลูกเกิดอาการหอบ อีกทั้งลูกยังมีอาการปอดติดเชื้อทำให้ไม่สามารถที่จะนำลูกชายออกไปข้างนอกได้ ซึ่งส่วนหนึ่งยอมรับว่าตนเองไม่รู้ว่าจะต้องนำลูกไปทำการตรวจคัดเลือกทหาร จนเมื่อวานนี้มีจดหมายจากทางอำเภอเสริมงามให้ไปชี้แจงสาเหตุไม่ไปเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน ก็ตกใจจนไม่รู้จะทำยังไงดีจึงโพสต์ข้อความลงในเฟชบุ๊กดังกล่าว

ทั้งนี้ตนเองไม่ได้เพิกเฉยแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่รู้และลูกก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อจึงอยากขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยผ่อนปรน และเห็นใจลูกชายของตนเองด้วย เพราะทุกวันนี้พิการอย่างนี้ก็ถือว่าน่าสงสารแล้ว หากมาโดนคดีเพราะความไม่รู้อีกคงไม่รู้จะพูดยังไง วันนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาหาที่บ้าน และพยายามอธิบายให้เข้าใจแต่ตนเองก็ยังกังวลใจอยู่ทั้งในเรื่องของคดีและเรื่องของการที่ต้องนำลูกชายออกจากบ้านไปพบตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหวังว่าเจ้าหน้าที่คงเข้าใจและช่วยผ่อนปรนให้บ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook