แตกตื่นทั้งจังหวัด หนุ่มป่วยโควิดหนี รพ. นั่งวินกลับบ้าน เจอครอบครัวก็อ้างว่า หายแล้ว
ตามหาตัวทั้งจังหวัด หนุ่มป่วยโควิดหนีการรักษา นั่งวินจยย.รับจ้างหน้าโรงพยาบาลกลับบ้าน บอกครอบครัวว่าหายแล้ว
(12 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียแห่แชร์ภาพและข้อความประกาศของ นายประสงค์ ตินพ กำนันตำบลท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่ได้ประกาศผ่านทางสื่อโซเชียล และที่หน้า FB ชื่อ Prasong Tinop โดยระบุข้อความว่า “เตือนบุคคลอันตราย #หนีการกักตัวเนื่องจากติดเชื้อโควิด19 #หลบหนีครั้งที่สอง ประกาศ ใครที่พบเจอ บุคคลในภาพถ่ายคือ นายอนุสรณ์ ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ covid-19 ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาล ในระหว่างการรักษา การติดเชื้อโควิด19 เป็นครั้งที่ 2 และไปที่บ้านเลขที่ 192 ม.2 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อไปนำ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเซฟ 100 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 917 ราชบุรี หลบหนีออกจากพื้นที่ ขอให้ทุกท่านช่วยสอดส่อง เป็นหูเป็นตา หากพบให้แจ้งฝ่ายความมั่นคง สถานีตำรวจ อำเภอโพธารามหรือที่มูลนิธิสว่างราชบุรี สาธารณสุข หรือ กำนันยุ่ง เพื่อไม่ให้ไปกระจายเชื้อให้กับบุคคลที่ไปสัมผัส และจะได้ควบคุมตัวไปรักษาโดยเร็ว #ช่วยกันแชร์ด้วยนะครับ #ขอบพระคุณล่วงหน้า"
ทำให้ตลอดทั้งวันกลายเป็นที่ตื่นตระหนกของคนในพื้นที่ อำเภอโพธาราม อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ อำเภอท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ต่างแห่กันแชร์ข้อความและช่วยกันแจ้งเบาะแสเพื่อติดตามตัวผู้ป่วยรายนี้กลับเข้ารักษาภายในโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามกับนายประสงค์ ตินพ กำนันตำบลท่าชุมพล ถึงเรื่องราวดังกล่าว ทราบว่า ผู้ป่วยรายนี้ คือ นายอนุสรณ์ ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ covid-19 ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลโพธาราม ในระหว่างการรักษาการติดเชื้อโควิดเป็น ครั้งที่ 2 โดยได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่า ผู้ป่วยหลบหนีออกมาและนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างที่หน้าโรงพยาบาล ไปที่บ้าน ม.2 ต.ท่าชุมพล อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ตนจึงได้รีบแจ้งผ่านสื่อออนไลน์ในทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนช่วยกันตามหาและแจ้งเบาะแส ที่จะให้เจ้าหน้าที่นำตัวกลับมารักษา เพื่อจะไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งจะคุมไม่อยู่
จากการตรวจสอบผู้ป่วยรายนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้ยารักษาอยู่ตลอด เนื่องจากในพื้นที่หมู่ 2 ต.ท่าชุมพล มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ส่วนหนึ่งมาจากโรงฆ่าสัตว์มีผู้ติดเชื้อกว่า 10 คน ส่วนคนที่หลบหนีไปนั้น ยังไม่รู้ว่าติดเชื้อโควิดมาจากที่ไหน หลังตรวจพบจึงอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่เพื่อทำการรักษา แต่เมื่อหนีออกไปก่อนต้องติดตามกลับมาเพื่อรักษาให้หาย หากยังติดตามตัวกลับมาไม่ได้เกรงว่าจะเป็นการแพร่เชื้อออกไปสู่บุคคลอื่นได้
จากการสอบถามคนในบ้าน ของนายอนุสรณ์ป่วย ซึ่งเป็นผู้เสี่ยงสูง ผลตรวจเป็นลบ แต่ยังคงกักตัวอยู่ในบ้าน เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเที่ยงเศษๆ นายอนุสรณ์ผู้ป่วยได้เดินทางกลับมาที่บ้าน ตนก็ถามว่าหมอให้กลับบ้านแล้วหรือ นายอนุสรณ์ตอบกลับมาว่าหายแล้ว และได้เดินทางเข้าไปในบ้านนำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเซฟ 100 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 917 ราชบุรี ของนายอนุสรณ์เอง ออกมาจากบ้านเพื่อที่จะขับออกไปแต่ด้วยรถจักรยานยนต์จอดเป็นเวลานานทำให้น้ำมันรถหมด นายอนุสรณ์ผู้ป่วยโควิดจึงได้เข็นออกจากบ้านไปและไม่บอกว่าไปไหน ตนก็คิดว่าจะออกไปทำธุระ หรือ จะเดินทางกลับไปที่บ้านใน อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
ทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับเครียด เนื่องจากไม่สามารถติดต่อนายอนุสรณ์ได้ และไม่รู้ว่าเดินทางไปในสถานที่ใด เพราะเกรงจะไปแพร่กระจายเชื้อ จึงพยายามประสานไปยังจังหวัดใกล้เคียง ทั้ง จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และ เพชรบุรี เพื่อติดตามตัวกลับมารักษา
ล่าสุดได้รับรายงานจากนายประสงค์ ตินพ กำนันตำบลท่าชุมพล แจ้งความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้นำตัวนายอนุสรณ์ ผู้ป่วยโควิด-19 ที่หลบหนีการรักษา กลับสู่การรักษาตัวที่โรงพยาบาลโพธาราม เป็นที่เรียบร้อย หลังจากเจ้าหน้าที่พยายามโทรศัพท์เข้าเบอร์มือถือของนายอนุสรณ์ ซึ่งได้พยายามเกลี้ยกล่อมพูดคุยถึงเหตุผลของการต้องเข้ารักษาตัว หากไม่รักษาเชื้อลงปอดอาจทำให้เสียชีวิตได้ และหลอกล่อให้กลับมาพบกันที่หน้าโรงพยาบาลโพธาราม จนทำให้นายอนุสารณ์ ผู้ป่วยโควิด คนดังกล่าวเดินทางกลับมายังโรงพยาบาลโพธารามเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
จนกระทั่งเวลา 17.30 น. นายอนุสรได้เดินทางมาถึงที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลตามนัด เจ้าหน้าที่ได้รอรับที่บริเวณด้านหน้าของโรงพยาบาล ด้วยการนำรถวีลแชร์สำหรับผู้ป่วยโควิด หรือ ผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเจ้าหน้าที่ได้สวมชุด PPe เพื่อป้องกันการติดเชื้อพร้อมทั้งนำนายอนุสรณ์กลับเข้าไปยังห้องผู้ป่วยที่นายอนุสรณ์รักษาตัวตามเดิม โดยนายประสงค์ ตินพ กำนันตำบลท่าชุมพล ได้กล่าวขอบคุณประชาชน และเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงเพจสื่อต่างๆ ที่ได้ช่วยกันนำเสนอข้อมูลและแชร์กันต่อไป เพื่อติดตามตัวผู้ป่วยที่หลบหนีกลับมารักษา จนสามรถนำตัวกลับมารักษาที่โรงพยาบาลตามเดิม เพื่อไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ออกไป