สุดจะทน ผัวใหม่ข่มขืนลูกเลี้ยงพิการ วัย 11 ปี อ้าง "จะได้ดูแลทั้งแม่และลูกตลอดชีวิต"
สาวสุดทนร้องปวีณา หลังผัวใหม่ติดยา ข่มขืนลูกสาววัย 11 ปี พิการสมอง บังคับให้เป็นเมียอีกคน ซ้ำอ้างหน้าตาเฉยจะได้เลี้ยงดูทั้งแม่และลูกตลอดชีวิต พอปฏิเสธผัวใหม่โมโหทำร้ายร่างกายเจ็บทั้งแม่และลูก
เหตุการณ์ดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา น.ส.ก้อย (นามสมมุติ) เข้าร้องทุกข์กับ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า ก่อนหน้านี้ตนอยู่กินกับสามีเก่าอยู่ จ.พิษณุโลก มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ ด.ญ.เก๋ (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ซึ่งป่วยพิการทางสมอง
ต่อมา น.ส.ก้อย ได้เลิกรากับสามี และเลี้ยงลูกคนเดียวเรื่อยมา กระทั่งได้รู้จักกับนายชัช (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ทางเฟซบุ๊ก จากนั้นตนได้ขายบ้านและที่ดินที่ จ.พิษณุโลก ได้เงินมา 3 แสนบาท ก่อนจะพาลูกมาอยู่กินกับนายชัชและช่วยกันทำงานรับจ้างเรื่อยมา
น.ส.ก้อย กล่าวว่า นายชัช มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จะต้องย้ายตามงานไปเรื่อยๆ ในช่วงแรกที่ตนยังมีเงิน นายชัชก็เป็นคนดี เอาใจตนทุกอย่าง ผ่านไป 3 ปี ตนไม่มีเงินแล้ว นายชัชมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อารมณ์ฉุนเฉียวโมโหง่าย บางครั้งไม่พอใจก็ทุบตี
กระทั่งช่วงเดือน ม.ค.64 ขณะที่นายชัชพาตนไปทำงานจัดสวนย่านหนองจอก มีนบุรี กรุงเทพฯ นายชัชได้มาสารภาพกับตนว่า ได้ข่มขืนน้องเก๋ ลูกสาวตนมาแล้ว 3 ครั้ง อีกทั้งยังบังคับให้ตนยอมรับ และยกลูกสาวให้เป็นภรรยาอีกคน โดยนายชัชสัญญาว่าจะรับเลี้ยงทั้งแม่และลูกตลอดชีวิต แต่ตนรับไม่ได้ที่นายชัชมากระทำกับลูกสาวที่พิการทางสมอง จึงได้ปฏิเสธและต่อว่าไปอย่างรุนแรง ซึ่งนายชัชโมโหมาก และทำร้ายร่างกายตนจนได้รับบาดเจ็บ ด้วยความที่ตนสองแม่ลูกไม่มีที่ไป ไม่มีเงิน จึงไม่กล้าแจ้งความและต้องยอมทนอยู่กับนายชัชไปก่อน
กระทั่งเดือน เม.ย. ที่มีโควิดระบาดอีก นายชัชไม่มีงานรับจ้าง จึงได้พาตนและลูกสาวมาอาศัยอยู่บ้านญาติที่ จ.ฉะเชิงเทรา กระทั่งวันที่ 8 พ.ค.64 นายชัชได้ออกอุบายให้ตนไปทวงเงินค่าแรงจากนายจ้างและห้ามตนพาลูกสาวไปด้วย ซึ่งตนก็เป็นห่วงลูกสาวแต่ก็ต้องจำยอม รีบไปรีบกลับ เมื่อกลับมาลูกสาวก็ได้บอกว่าถูกนายชัชข่มขืนอีกแล้ว พอนายชัชรู้ว่าลูกได้บอกกับตนจึงไม่พอใจเอาไม้มาทุบตีลูกสาวจนเป็นรอยช้ำที่บริเวณหลังและตามตัว ซึ่งตนได้พยายามห้ามปราบแต่ก็ถูกทำร้ายไปด้วย
หลังจากนั้นตนจึงตัดสินใจพาลูกออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และเข้าแจ้งความที่สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ในวันที่ 8 พ.ค.64 แต่ด้วยความยากจนไม่มีเงินติดตัว ไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีรถที่จะพาลูกสาวไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย แต่ตนตนต้องการจะดำเนินคดีกับนายชัชให้ถึงที่สุด เพื่อนบ้านจึงได้แนะนำและช่วยแจ้งเรื่องมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ
หลังรับแจ้งเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก.สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ช่วยเหลือสองแม่ลูกโดยส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกาย และสอบสหวิชาชีพ โดย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ฤชายุส คงอุตส่าห์ รองสว.สอบสวน สภ.เขาหินซ้อน ไปรับตัวสองแม่ลูก และพาน้องเก๋ไปตรวจร่างกายที่ รพ.พนมสารคาม พร้อมกับนัดทีมสหวิชาชีพสอบน้องเก๋ ในวันที่ 18 พ.ค.64
ขณะเดียวกันพ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก.สภ.เขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง และฝากงานรับจ้างให้กับ น.ส.ก้อย พร้อมช่วยหาที่อยู่ให้กับสองแม่ลูกด้วย ภายหลังมีการสอบสหวิชาชีพน้องเก๋แล้ว และรวมรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ นายชัช มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนที่ช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ค.64 ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลออกหมายจับนายชัช ในข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี, ข่มขืนกระทำชำเราผู้ทุพลภาพ และทำร้ายร่างกาย
ล่าสุดวานนี้ (19 พ.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ เพ็ชรศักดิ์ ผกก.สภ.เขาหินซ้อน ว่า สภ.เขาหินซ้อน สืบทราบว่านายชัชได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และได้จับกุมตัวมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบประวัตินายชัชพบว่า เคยก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ และถูกดำเนินคดีเสพยาบ้าในพื้นที่ สภ.เขาสะหมิง จ.ตราด ทั้งนี้ตำรวจจะคุมตัวนายชัชไปฝากขังศาลในวันที่ 21 พ.ค.นี้