จับหนุ่มอินเดียลักลอบเข้าไทย เดินข้ามลำน้ำสายโผล่เชียงราย ตั้งใจหนีไปกรุงเทพฯ
จับหนุ่มอินเดียลักลอบเข้าไทย ลอบข้ามลำน้ำสายโผล่เชียงราย ตั้งใจหนีไปกรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้จับคนไทยลอบกลับมาอีก 4 ราย
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย, พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมปกครอง ตำรวจ และทหาร ออกตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าออกเมือง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบคนไทยจำนวน 4 คน เดินอยู่บนถนนทางขึ้นวัดถ้ำผาจม หมู่ 1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดชายแดนไทย-เมียนมา อย่างมีพิรุธจึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าชื่อ น.ส.ทาลิธา อายุ 47 ปี น.ส.กนกพร อายุ 35 ปี นายนัทที อายุ 35 ปี และนายสมใจ อายุ 31 ปี
การสอบถามทั้ง 4 คน ก็สารภาพว่าเพิ่งเดินทางมาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ด้วยการเดินข้ามลำน้ำสายในฝั่งเมียนมามาแล้วเดินไปตามแนวสันเขาเข้าสู่ประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลักลอบข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อหางานทำและเยี่ยมญาติและเมื่อจะเดินทางกลับได้เสียค่าจ้างให้คนนำพาหัวละ 10,000-13,000 บาท แล้วลักลอบกลับมาดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี 3 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาว่าเป็นบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลาฯ ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดารบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่ง จ.เชียงรายที่ 1380/2563ฯ จากนั้นควบคุมตัวดำเนินคดีและกักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจบริเวณบริเวณท่าข้ามหลังวัดถ้ำผาจม ใกล้เคียงกับจุดเดิมก็ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 คน ท่าทางมีพิรุธ จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่ใช่คนไทยแต่ชื่อว่า นายซออะแว อู อายุ 29 ปี สัญชาติอินเดีย เมื่อสอบถามก็ทราบว่าได้ลักลอบเข้ามาประเทศไทยด้วยการข้ามลำน้ำสายมาเช่นกัน วัตถุประสงค์เพื่อจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ผลักดันเพื่อกลับไปยังประเทศเมียนมาต่อไปแล้ว