นักธุรกิจสาวเจ้าของคลินิกร้องสื่อ ถูกระงับพาสปอร์ต-เหยียดเพศ เพียงเพราะเป็น "กะเทย"

นักธุรกิจสาวเจ้าของคลินิกร้องสื่อ ถูกระงับพาสปอร์ต-เหยียดเพศ เพียงเพราะเป็น "กะเทย"

นักธุรกิจสาวเจ้าของคลินิกร้องสื่อ ถูกระงับพาสปอร์ต-เหยียดเพศ เพียงเพราะเป็น "กะเทย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวของเธอในโลกโซเชี่ยล เปิดเผยว่า เกิดเหตุการณ์กระทบจิตใจ สร้างตราบาป ทำให้อับอายและความเสียหายต่อของธุรกิจของตนเอง หลังถูกระงับหนังสือเดินทางไม่สามารถออกเดินทางออกนอกประเทศได้ ข้อความระบุดังนี้

"สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เป็นวันที่วาเพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกระงับหนังสือเดินทางไม่สามารถออกเดินทางออกนอกประเทศได้  ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 วาได้ไปขออนุญาตเปลี่ยนหนังสือเดินทางเพราะว่าหนังสือเดินทางเก่าใกล้หมดอายุ การดำเนินการทุกอย่างปรกติดีมาก จนถึงตอนถ่ายรูปพาสปอร์ต เจ้าหน้าที่แจ้งว่าหน้าวาไม่ตรงกับพาส (เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพน่ารักมาก) แนะนำให้วาไปฝ่ายสืบสวน

พอถึงจุดเจ้าหน้าที่สืบสวน วาเจอมนุษย์ป้า 1 คน ใช้น้ำเสียงสายตาไม่ดีมากๆ ถามวาว่าจะเดินทางไปไหน วาบอกว่าจะไปทำธุระที่สวิสค่ะ เดินทางเมื่อไหร่ วาบอกกุมภาค่ะ แล้วนางก็พูดว่าเดินทางช่วงสถานการณ์โควิด สาวประเภทสองชอบมีปัญหา ตอนนี้ให้ทำพาสไม่ได้หรอกค่ะ แล้วพาสมันยังไม่หมดอายุด้วย วาเลยบอกว่าแต่มันใกล้หมดอายุแล้วนะคะอีกไม่กี่เดือน แล้วรอบล่าสุดที่หนูไปทำหน้าที่เกาหลี ตม.ไทย ก็แนะนำให้มาทำใหม่

(เจ้าหน้าที่) ยังไงก็ทำให้ไม่ได้หรอกค่ะกลัวพวกสาวประเภทสองจะไปทำงานผิดกฎหมายเพราะ ปี 56 น้องเคยมีปัญหาที่มาเลย์ น้องไปทำอะไรมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถือว่าคุณเป็นประเภทเฝ้าระวัง (คุณป้าเจ้าหน้าที่พูดดังมากแล้วใช้น้ำเสียงสายตาข้อนข้างเหยียดคนนั่งอยู่เกือบ 20 คน มองวาเป็นตาเดียว) วาบอกว่าแต่เมื่อ 5 ปี วาก็ทำพาสเล่มนี้ได้นะคะดูประวัติการเดินทางวาด้วยค่ะ วาเดินทาง ทุกเดือนประเทศละ 4-5 วัน ไม่เคยมีปัญหา นางบอกว่าคุณเดินทางบ่อยคุณไปทำอะไร???  

ตอนนั้นเราพยายามอธิบายพยายามบอกว่าดิฉันเป็นเจ้าของคลินิกความงามค่ะ และทำธุรกิจ แต่ไม่เป็นผลทำให้วาได้ทำพาสปอร์ตเลยค่ะ กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้คุณป้าพูดเสียดสีขึ้นมาว่า ถ้ามีอาชีพจริงๆ คุณก็เอาเอกสารมายืนยันไปเอาทะเบียนบริษัทมาไปเอาหลักฐานการเงินมาด้วย (สายตาแบบจับผิดน้ำเสียงจิกเหวี่ยง) จนวาคิดว่าเริ่มยุ่งยากวาเลยถือพาสเก่าไปยื่นวีซ่า สรุปวาเข้าสวิส 5 รอบไม่เคยถูกปฏิเสธซักรอบ จนรอบนี้สถานทูตโทรมาบอกว่าพาสมีปัญหา คือ วาถูกบล็อกพาสปอตค่ะ ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องสงสัยจะไปทำงานผิดกฎหมายจากกงสุลประเทศตัวเอง เพียงเพราะความอคติเรื่องเพศสภาพของวาเอง

วันนี้วาเอาเอกสารไปยืนยันครบทุกอย่าง ใบประกอบการคลินิก 3 สาขา บัตรประชาชนใหม่ ทะเบียนบริษัท ทุกคนรู้ไหมคะว่าวันนี้วาก็ยังไม่ได้ทำพาสปอร์ตเลยค่ะ และวามีนัดคุยงานธุรกิจครีมส่งออกน้ำหอมของวาในเดือนมิถุนายนนี้ที่ UAE และที่ เนเธอร์แลนด์ วาพยายามถามเจ้าหน้าที่ว่าวาจะได้พาสไหมและคำตอบเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาคำเดียวว่า ให้ไปเอารูปตอนทำงานมาด้วย และโทรมาอีกทีวันที่ 16 มิ.ย. แต่ไม่ได้รับคำตอบว่าจะได้พาสปอร์ตไหม ถามอะไรนางก็ตอบว่า 16 มิ.ย.รอส่งเรื่องให้หัวหน้าพิจารณาอีกที วาพยายามขอร้องอ้อนวอนเรื่องขอให้ไวกว่านี้เพราะจำเป็นต้องเดินทางจริงๆ นางตอบว่า 16 มิ.ย อย่างเดียว

คำถามที่คาใจวา 1. เพราะอะไรเจ้าหน้าที่ถึงทำกับวาแบบนี้ 2.ทำไมถึงเอาเรื่องเพศสภาพวามาเป็นบรรทัดฐานว่าสาวประเภทสองทุกคนจะไปทำอาชีพผิดกฎหมาย 3.วารู้สึกว่าตอนนี้วาถูกริดรอนสิทธิมนุษยชน สิทธิในการขอต่อหนังสือเดินทางใหม่ ถูกตัดสิทธิ์ในการเดินทาง เพียงเพราะว่าเป็นกะเทย=สิ่งที่เค้าตราหน้าไว้แล้ว  ตอนนี้วามืดไปหมดวาไม่คิดไม่ฝันว่าคนที่เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกและทุกประเทศยินดีต้อนรับนักท่องเทียวแบบวากลับมาโดนเจ้าหน้าที่ประเทศตัวเองยัดข้อหาผู้ต้องสงสัยเพียงเพราะเป็นสาวข้ามเพศเป็นกะเทย #วาควรไปขอความเป็นธรรมที่ไหนได้บ้าง #ช่วยหยุดอคิติกับเพศของดิฉันด้วย"

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. (21 พ.ค.64) ที่คลินิกเสริมความงาม "ชฎาลักษณ" ถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี ผู้สื่อข่าว ได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรม จาก คุณฉัตรชฎาภา รักดี อายุ 30 ปี หรือ วาวา สาวประเภทสอง เจ้าของคลินิกเสริมความงาม หลังจากเธอเดินทางไปกรมการกงสุลเพื่อต่อพาสปอร์ต ที่ใกล้หมดอายุ และจะเดินทางไปท่องเที่ยวหาน้องสาวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ อ้างว่ารูปร่างหน้าตาไม่ตรงกับในเล่มพาสปอร์ต ทำให้เธอไม่สามารถเดินทางไปได้

คุณวาวา เล่าว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.64 ตนเองพร้อมผู้จัดการส่วนตัวเดินทางไปที่กรมการกงสุล เพื่อขอต่อพาสปอร์ต ที่ใกล้หมดอายุ แต่ไม่สามารถต่อได้ เจ้าหน้าที่ช่อง 53 ซึ่งเป็นหญิง บอกกับตนว่ารูปร่างหน้าตาตนเองไม่ตรงกับพาสปอร์ตในเล่ม พร้อมพูดจาดูถูก เสียดสี ไม่ให้เกียรติตนเลยสักนิด

ปัญหาที่เกิดคือตนจะไปต่อพาสปอร์ต ซึ่งทาง ตม.บอกว่าหน้าตาตัวจริง ไม่ตรงกับภาพบนพาสปอร์ต ตนจึงจะเข้าไปทำใหม่ แต่เมื่อตนเข้าไปต่ออายุพาสปอร์ต แต่เกิดปัญหาคือ เจ้าหน้าที่จุดซักกองประวัติไม่ให้ผ่านและบล็อกพาสปอร์ตของตนเนื่องจากหน้าไม่ตรง และใช้คำพูดหยาบคายและเสียดสีว่าถ้าเป็นสาวประเภทสองจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะว่ากลัวจะข้ามประเทศไปแล้วไปทำงานที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนมองว่าเป็นการที่เลือกปฏิบัติระหว่างเพศ ซึ่งตนให้เหตุผลและนำเอกสารมายื่นว่าที่ต้องไปต่างประเทศเพราะเรื่องธุรกิจ ท่องเที่ยว และไปศัลยกรรมเพิ่มเติม เพราะปกติตนไปมาหลายประเทศแล้วไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตนคิดว่าตนควรที่จะได้รับพาสปอร์ตตามสิทธิ ตอนนี้ตนได้รับความเสียหายอย่างมากเพราะตนกำลังเริ่มทำธุรกิจใหม่แต่โดนระงับพาสปอร์ตทำให้เดินทางไปคุยงานไม่ได้ ตนเสียภาษีถูกต้องและมีธุรกิจชัดเจน อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ว่าทำหน้าที่อันทรงเกียรติของท่านให้ดีและปฏิบัติตนต่อประชาชนให้สุภาพมากกว่านี้ได้ไหม ไม่ว่าจะสาวประเภทสองหรือจะเป็นประชาชนทั่วไป ต้องมีการบริการให้เท่าเทียมกัน

ขณะที่คุณนาดา ไชยจิตต์ ที่ปรึกษากฎหมายสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ในเรื่องของกฎหมายประเทศไทยมีการใช้พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศบังคับใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2550 ทางรัฐบาลเองชัดเจนกับเรื่องของกฎหมายฉบับนี้ การห้ามเลือกปฏิบัติเป็นสิ่งที่รัฐบาลประกาศอย่างชัดเจน ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายนี้ยังไม่ครอบคลุมยังไม่ลงไปถึงหน่วยงานรัฐต่างๆ ก่อนหน้านี้ทำวิจัยทางกรมการกงสุลถ้าทำหนังสือเดินทางให้กับคนข้ามเพศ ก่อนหน้านี้จะมีการบังคับให้มัดผม โดยมีความเชื่อว่าการมัดผมจะทำให้เราดูเหมือนผู้ชาย แต่ถ้าเราประสงค์ที่จะปล่อยผมแต่เหน็บที่หู จะต้องมีการเขียนยืนยันว่าจะต้องรับผิดชอบตัวเองไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรก็ตามจะต้องรับผิดชอบเองทุกอย่าง เพราะเราไม่สามารถยืนยันตัวตนว่าเป็นเราจริงๆ ซึ่งประเทศไทยไม่สามารถปฏิเสธการคุ้มครองที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้ ต่อให้มีการเดินทางผิดกฎหมายก็ต้องให้ส่งกลับบ้าน 

คราวนี้การถูกจับตาของสาวประเภทสองต้องดูเป็นพิเศษ ซึ่งความเชื่อที่ว่าถ้าเป็นกะเทยออกนอกประเทศไปต้องไปทำสิ่งผิดกฎหมายว่าไปค้าบริการทางเพศหรือไม่ จริงๆ คุณวาวามีหลักฐานในการทำงาน และทำหนังสือเดินทางทุกครั้ง แต่กลับถูกเลือกปฏิบัติเลือกเพศ ถ้าเป็นสาวประเภทสองจะโดนทันที เพราะตกเป็นกลุ่มที่ต้องจับตาเป็นพิเศษว่าเดินทางไปต่างประเทศไปทำอะไร ซึ่งตอนนี้มองว่าเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ก้าวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้จะทำให้คุณวาวาได้รับความยุติธรรมจะร้องศาลปกครอง เพื่อมีการไต่สวนฉุกเฉิน ของการออกหนังสือเดินทาง ถ้าเรื่องยังไม่ไปไหนจะต้องส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการสิทธิ ของกฎหมายทางเพศเรียกกรมการกงสุลเข้ามาสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งน่าเกลียดมากที่ระงับพาสปอร์ต ซึ่งไม่สามารถทำอะไรได้เลยกับหนังสือเล่มนี้ และยังไม่ออกเล่มใหม่ให้ทำให้เดินทางไปไหนไม่ได้

สำหรับคุณวาวานั้น เป็นรู้จักกันดีในสังคมของคนรักสวยงาม เพราะมีธุรกิจเป็นเจ้าของคลินิกเสริมความงามหลายแห่ง ล่าสุดเป็นข่าวโด่งดังเมื่อออกมาช่วยศัลยกรรมเมียหลวงของสิบตำรวจโทหนุ่มที่แอบไปแต่งงานกับสาวคนใหม่ จนปัจจุบันเมียหลวงของตำรวจรายนี้มีความสวยงาม รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน โดยไม่คิดมูลค่าในการทำศัลยกรรมเลยสักบาทเดียว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook