จับหลานชายหื่น งัดบ้านบีบคอ-ข่มขืนยายวัย 64 ปี บอกเห็นนอนผ้าถุงหลุดเลยมีอารมณ์

จับหลานชายหื่น งัดบ้านบีบคอ-ข่มขืนยายวัย 64 ปี บอกเห็นนอนผ้าถุงหลุดเลยมีอารมณ์

จับหลานชายหื่น งัดบ้านบีบคอ-ข่มขืนยายวัย 64 ปี บอกเห็นนอนผ้าถุงหลุดเลยมีอารมณ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลานชายวัย 22 ปี งัดบ้าน บุกข่มขืนคุณยายวัย 64 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของยายตัวเอง อ้างเมาเหล้าแถมเสพยาบ้า เห็นนอนผ้าถุงหลุดอยู่ เลยมีอารมณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ขณะที่ พ.ต.อ.พันธุ์เพชร เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้มี นายอิทธิพล อายุ 22 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน” มาขอมอบตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา 

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ขณะที่ ร.ต.อ.ทิฐินันท์ ศรีเชียงหวาง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก มี นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 64 ปี ชาวตำบลสามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งว่า ถูกนายอิทธิพล หรือ บอล หลานชายของพี่สาวตน งัดบ้านเข้าไปใช้กำลังบีบคอบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ ก่อนหลบหนีได้ข่มขู่ไม่ให้ตนบอกใคร เหตุเกิดที่บ้านสวน ไม่มีเลขที่ ท้ายหมู่บ้านหนองบั่ว ต.สามพร้าว เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 13 พ.ค.

หลังรับแจ้ง ตำรวจได้ส่งตัวนางน้อยไปโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อตรวจหาร่องรอยการถูกข่มขืน และรอให้สภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น จึงมาให้ปากคำเพิ่มเติม

ต่อมาเย็นวันที่ 20 พ.ค. นางน้อย เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมว่า ตนและสามีมีอาชีพทำนา มีบ้านอยู่ติดกับนายอิทธิพล ซึ่งเป็นหลานของพี่สาว เท่ากับเป็นหลานของตนด้วย ตนจึงมีศักดิ์เป็นยายนายอิทธิพล แต่ตนและสามีมักจะไปนอนบ้านที่ทุ่งนา ซึ่งตนมีที่นาประมาณ 40 ไร่

ต่อมาหลานสาวได้มาสร้างบ้านที่ทุ่งนาใกล้กัน แต่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัย ทำให้ตนต้องไปนอนเฝ้าบ้านหลานสาว ส่วนสามีนอนที่บ้านหลังเดิม ห่างกันประมาณ 200 เมตร และคืนนั้นตนได้ไปนอนเฝ้าบ้านให้หลานสาวตามลำพัง 

นางน้อย ให้การต่อว่า ขณะกำลังนอนหลับ ก็ต้องตกใจตื่น เพราะนายอิทธิพล หลานชายได้งัดหน้าต่างบ้านเข้ามา นั่งคร่อมและบีบคอ พร้อมบังคับข่มขืนกระทำชำเราตน แม้ว่าจะขอร้องไม่ให้ทำ แต่นายอิทธิพลบอกว่า "ขอเถอะ เพราะไม่ได้นอนกับผู้หญิงมา 2 วันแล้ว" และข่มขืนตนจนสำเร็จความใคร่

หลังเสร็จกิจตนได้ผลักนายอิทธิพลออกแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ล็อกกลอนประตู เพราะเกรงว่านายอิทธิพลจะฆ่าปิดปาก ก่อนไปนายอิทธิพลได้พูดขู่ตนไว้ว่าห้ามบอกใคร สัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่บอกใคร ตนก็รับปาก พอนายอิทธิพลขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ตนก็รีบเปิดประตูวิ่งไปบอกสามี และโทรเรียกหลานสาวมาหา และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลานฟัง เพื่อให้หลานพามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นางน้อย ให้การต่อไปว่า หลังเกิดเหตุตนก็ไม่กลับไปบ้านซึ่งอยู่ติดกับนายอิทธิพลอีกเลย จะอยู่บ้านที่ทุ่งนากับสามี เพราะกลัวนายอิทธิพลจะกลับมาข่มขืนอีก หรือฆ่าปิดปาก เพราะหลานสาวเห็นนายอิทธิพลอยู่บ้าน ยังนอนร้องเพลงไม่มีท่าทีจะสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำกับยายลงไป ซึ่งตนเกรงว่านายอิทธิพลเสพยาบ้าเข้าไปแล้วจะไปกระทำกับคนอื่นอีก ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลอันตราย  ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกนายอิทธิพลสอบสวน

จากการสอบสวน นายอิทธิพล ให้การรับสารภาพว่า ได้งัดบ้านเข้าไปข่มขืนกระทำชำเรายายจริง ที่ทำไปก็เพราะเมาสุราและเสพยาบ้า แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ โดยพ่อแม่ตนแยกทางกันต่างไปมีครอบครัวใหม่ ตนมาอยู่บ้านกับยา ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของนางน้อย บ้านของยายตนและบ้านนางน้อยอยู่ติดกัน

โดยแม่ที่อยู่ต่างประเทศส่งเงินมาให้ใช้ ตนเคยทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เพิ่งลาออก เคยมีแฟนแต่เพิ่งเลิกกัน คืนเกิดเหตุตนขี่รถจักรยานยนต์ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ ซึ่งเพื่อนได้ชวนตนเสพยาบ้าหลายเม็ด

นายอิทธิพล ให้การต่อว่า กระทั่งดึกตนขี่รถกลับบ้าน แต่ได้แวะไปหายายเพื่อไปยืมเงินไปซื้อยาบ้า และได้งัดหน้าต่างเข้าไปบ้านยาย พบยายนอนผ้าถุงหลุดลุ่ย เปลือยครึ่งท่อน ทำให้ตนเกิดอารมณ์ทางเพศ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงก่อเหตุข่มขืนยายจนสำเร็จความใคร่ และสั่งห้ามยายไปบอกใคร

พอสร่างเมาก็รู้สึกสำนึกผิด และเสียใจ ที่ได้กระทำสิ่งไม่ได้กับยาย ซึ่งเป็นญาติกัน เป็นน้องสาวของยาย แต่ที่ทำไปก็เพราะฤทธิ์เมาทั้งเหล้าและยาบ้า หลังทราบเรื่องญาติพี่น้องต่างก็เงียบ ไม่พูด ส่วนยายแท้ๆ ของตนเอาแต่ร้องไห้เสียใจ ทั้งนี้ ตำรวจจึงตรวจปัสสาวะ พบว่าเป็นสีม่วง จึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน นางน้อย ได้เดินทางมาที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เพื่อมาคัดค้านการประกันตัว พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ขออโหสิกรรมให้นายอิทธิพล เด็ดขาด ไม่ขอรับการกราบขอขมา เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่านายอิทธิพลไม่นับถือว่าตนเป็นยาย ตนจึงไม่จำเป็นต้องไปนับญาติกับนายอิทธิพลเช่นเดียวกัน

ขอดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด และขอคัดค้านการประกันตัว เพราะนายอิทธิพล ซึ่งถือว่าเป็นผู้พฤติกรรมเข้าข่ายบุคคลอันตราย เพราะทั้งดื่มเหล้าและเสพยาบ้า เมื่อเมาแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้  เป็นอันตรายกับบุคคลอื่น ไม่ควรได้รับการประกันตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook