สุดเศร้า เผยบันทึกสุดท้ายของหญิงวัย 39 ปี ก่อนเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า

สุดเศร้า เผยบันทึกสุดท้ายของหญิงวัย 39 ปี ก่อนเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า

สุดเศร้า เผยบันทึกสุดท้ายของหญิงวัย 39 ปี ก่อนเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ญาติเผยหญิงวัย 39 ปี ชาว จ.สุรินทร์ เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า เขียนบันทึกลงโทรศัพท์มือถือ เล่าอาการป่วย บอกรักพ่อแม่

จากกรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่ามี หญิงวัย 39 ปี เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า โดยผู้เสียชีวิตเปิดร้านขายกาแฟในหมู่บ้าน อาศัยอยู่กับครอบครัว รวม 4 คน โดยเลี้ยงแมว 12 ตัว สุนัข 2 ตัว แต่ไม่มีประวัติได้รับวัคซีนป้องกันโรคทั้งคนและสัตว์ นอกจากนี้ ยังมีประวัติรับแมวจรจัดที่ป่วยมาเลี้ยงได้ 3 วัน แมวตัวดังกล่าวก็ตายไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 พ.ค.) ได้เดินทางไปยังบ้านผู้เสียชีวิต ชื่อ นางสาวพรรณปพร อายุ 39 ปี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจกับการจากไปของนางสาวพรรณปพร

นางพู อายุ 68 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต และ นางจำรอง อายุ 45 ปี พี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยข้อความที่นางสาวพรรณปพร ได้พิมพ์โน๊ตอาการไว้ในโทรศัพท์มือถือ

โดยมีข้อความว่า "อาการแปลกๆ เวลาอาบน้ำจะหายใจไม่ทัน กลัวจะเป็นโรคกลัวน้ำ โดนน้ำไม่ได้เลยช่วงนี้ เกรงว่าจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ประสาทสัมผัสตอนนี้หยิกดูไม่ค่อยเจ็บเลย โดยเฉพาะช่วงหน้าลงมาที่คอด้านซ้าย มีอาการคันที่มือ

ขณะนี้ 5 ทุ่มแล้วนอนไม่หลับ ตาแข็งทื่อ ดื่มน้ำไม่ได้ มีอาการหายใจไม่ออกทันที สาธุ อย่าเป็นอะไรเลยนะ #อยากดูแลพ่อกับแม่ไปนานๆ ถ้าเป็นโรคนี้จริงอย่าให้ทรมานนะคะ ให้หนูทรมานน้อยที่สุด ขอบคุณค่ะ

รักพ่อกับแม่เสมอ ถ้าชาติหน้ามีจริง ให้หนูเกิดมาดูแลพ่อกับแม่นะคะ จะไม่ให้พ่อกับแม่ลำบากเลย แต่ชาตินี้ ลูกทำได้แค่นี้ รักพ่อ รักแม่ รักพี่ๆ ทุกคน รักน้องเสมอ และตาพัน สามีเราเอง"

นางพู อายุ 68 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า โดยเมื่อวันที่ 7 พ.ค. นางสาวพรรณปพรกลับมาจากขายของ มาบอกกับตนว่าเหนื่อย จึงให้แฟนนวดให้ ต่อมาวันที่ 8 พ.ค. ช่วงเช้า นางสาวพรรณปพรได้เดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ

ซึ่งวันนั้นกลับมาจาก รพ. อาการกลัวน้ำกับอาเจียนยังไม่กำเริบ พอถึงช่วงเย็นราว 16.00 น. นางสาวพรรณปพรได้ไปอาบน้ำ โดยเมื่อใช้ขันตักน้ำเพื่อจะราดหัว ก็เกิดอาการสะดุ้ง ซึ่งทำอย่างนี้ 2 ครั้ง หลังจากนั้นนางสาวพรรณปพรได้นั่งลงแล้วเอามือจุ่มน้ำมาลูบที่แขนทั้ง 2 ข้าง และลำตัว

ต่อมานางสาวพรรณปพรได้ถามตนว่า "แม่ โรคกลัวน้ำมีไหม" ตนจึงตอบไปว่าไม่มี ถ้าโรคกลัวน้ำแบบนี้น่าจะเป็นจากการถูกสุนัขบ้ากัด นางสาวพรรณปพรได้ตอบกลับมาว่า สุนัขบ้าไม่ได้กัด ตนจึงตอบไปว่า "แมวข่วนมั้ง อาจจะเป็นการสะสมมาทีละเล็กน้อย" นางสาวพรรณปพรจึงได้เปิดดูอาการที่เป็นอยู่ในยูทูป ซึ่งตนอยู่ใกล้ๆ เลยได้ยินเสียงจากยูทูปมาว่า อาการจะเป็นแบบที่ว่า หากเป็นจริง จะตายภายใน 7 วัน

นางพู อายุ 68 ปี แม่ของผู้ตาย นางพู อายุ 68 ปี แม่ของผู้ตาย

ต่อมานางสาวพรรณปพรจึงได้เรียกพี่สาวที่อยู่ข้างบ้านมาตัดผมให้ หลังจากตัดเสร็จได้บอกกับตนว่า หากนางสาวพรรณปพรเป็นอะไรไป ให้โทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วย ไม่นานนางสาวพรรณปพรก็ค้นหาอาการดูจากยูทูปอีก

พอช่วงค่ำในวันเดียวกันมีอาการเจ็บคอขึ้นมา ตนจึงแนะนำให้ไปหาหมอ นางสาวพรรณปพรได้ตอบกลับมาว่า ไปหาหมอก็เหมือนเดิม ให้ยาแก้โรคกระเพาะมา จึงไม่ได้ไปหาหมอ พอช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 8 พ.ค. นางสาวพรรณปพรได้ปลุกแฟน ให้พาไป รพ. เพราะหายใจไม่สะดวก หมอก็ฉีดยาแก้อาเจียนให้ จากนั้นก็กลับบ้าน

ต่อมาราว 05.00 น. นางสาวพรรณปพรเห็นตนกำลังล้างถ้วยจาน จึงได้ลองเอาน้ำฉีดใส่แขนตัวเองดู ปรากฎว่าพอถูกน้ำได้ นางสาวพรรณปพรจึงอาสาล้างจานแทนตน ตนจึงเรียกให้นางสาวพรรณปพรมากินยา โดยเทน้ำใส่แก้วแล้ว นางสาวพรรณปพรใช้ลิ้นเลียน้ำคล้ายแมว ตนจึงให้ดื่มน้ำเยอะๆ

หลังจากที่นางสาวพรรณปพรกลืนน้ำไปก็เกิดอาการอาเจียนออกมา เพราะกินน้ำไม่ได้ เลยเกิดอาการชักเกร็ง ญาติจึงใช้มือลูบหลังเพื่อให้หายจากอาการ พักหนึ่งตนเอาเกลือแร่มาให้นางสาวพรรณปพรกิน ต่อมาเวลา 01.00 น. ของวันที่ 9 พ.ค. นางสาวพรรณปพรได้ปลุกแฟนไป รพ.อีก กลับมาราว 02.00 น. รุ่งเช้ามาก็ไปอีกครั้ง โดยไม่กลับเลย

นางจำรอง อายุ 45 ปี พี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิตนางจำรอง อายุ 45 ปี พี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิต

ด้าน นางจำรอง อายุ 45 ปี พี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ค. ที่นางสาวพรรณปพร อาการเริ่มเหนื่อยเพลีย และกลัวน้ำ ตนก็เลยพาไปส่ง รพ. พอไปถึงโรงพยาบาล นางสาวพรรณปพรได้กลัวน้ำ และหมอเองก็พยายามให้ นางสาวพรรณปพรกินน้ำ แต่ผู้ตายก็ไม่กิน เพราะหากกินลงไป ผู้ตายจะฉี่แตกใส่เตียงทุกครั้ง ต่อมาหมอได้พาไปเอ็กซเรย์ปอดและคลื่นหัวใจ ตอนแรกก็บอกปกติ จึงได้กลับมาที่บ้านและอาการก็ยังเหมือนเดิม

หมอจึงตัดสินใจให้นอนโรงพยาบาล ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ผู้ตายมีอาการโวยวายเหมือนคนสติไม่ดี และเริ่มพูดผิดๆ ถูกๆ ไม่นานผู้ตายก็ล้มตัวลงเลย หมอได้บอกว่า ผู้ตายมีภาวะหัวใจล้มเหลวกับติดเชื้อในกระแสเลือด ทีมแพทย์จึงได้สอดท่อเพื่อต่อเครื่องช่วยหายใจและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด

หมอสงสัยจึงถามว่า ที่บ้านเลี้ยงหมาแมวใช่ไหม ตนก็แจ้งไปว่าใช่ ผู้ตายมีอาการกลัวน้ำ กลัวที่เย็นๆ ตนก็พยายามบอกทุกสิ่งอย่าง หมอยังบอกอีกว่า ผู้ตายปอดพังแล้ว หัวใจก็ล้มเหลว และจะตรวจละเอียดอีกทีหนึ่ง

โดยวันถัดมาหมอได้บอกว่า ผู้ตายเป็นหนักมาก โดยสงสัยว่าอาจเป็นพิษสุนัขบ้าประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นจริงไหม จึงย้ายผู้ตายไปอยู่ห้องแยกโรค เพื่อรอผลตรวจที่ กทม. หลังจากผลตรวจออกมาพบว่า ผู้ตายติดเชื้อพิษสุนัขบ้า 100 เปอร์เซ็นต์ และได้จากตนไปแล้ว มีเพียงเครื่องช่วยหายใจที่ยื้อชีวิตอยู่

ผู้ตายไม่มีลูก เลยเลี้ยงแมว-หมา มาได้ราว 2 ปี ซึ่งผู้ตายก็จะโดนแมวข่วนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยไปฉีดยา ซึ่งญาติๆ สงสัยว่า มีแมว 1 ตัวที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นแมวจรจัดที่เข้ามาภายในบริเวณบ้าน แล้วมาทะเลาะกันกับแมวในบ้าน ผู้ตายจึงเกิดความสงสาร ได้อุ้มแมวจรจัดที่ตาบอดขึ้นไปบนบ้านเพื่อจะช่วยรักษา

ซึ่งผู้ตายก็กลัวแม่จะรู้ว่ารับแมวจรจัดมาไว้บนบ้าน จึงไปนำไปเลี้ยงไว้ในสวนหลังบ้านได้ 2-3 วัน แมวตัวนั้นก็ได้ตายจากไป ซึ่งแมวจรจัดที่รับมาเลี้ยงแล้วตายไปได้ 2-3 วัน ผู้ตายก็มีอาการกลัวน้ำดังกล่าว ตนเองก็คิดว่าเป็นเพราะแมวตัวนั้นแน่นอน

สำหรับโรคพิษสุนัขบ้า ตนไม่เคยเจอกับตัวมาก่อน เคยได้ยินแต่คำบอกเหล่า พอมาเจอกับคนใกล้ตัว ตนเองรู้สึกใจไม่ค่อยจะดีเลย ซึ่งตนเองที่เป็นคนใกล้ชิดก็หวั่นๆ อยู่เช่นกัน แต่ก็ได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันแล้ว

ตนจึงอยากจะฝากบอกคนรักสัตว์ อยากให้ดูแลตัวเองให้มากๆ นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันให้เรียบร้อย ตนเห็นน้องตนทรมานมากกว่าเขาจะไป ตนสงสารมาก ซึ่งขณะนี้หมาแมวในบ้านทั้งหมดได้ถูกเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์นำไปดูแลต่อแล้ว

ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ได้เน้นย้ำว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นแล้ว เสียชีวิตทุกราย แต่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง โปรดนำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนพิษสุนัขบ้าโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงและคนดูแล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook