สหรัฐเตือนพลเมือง งดเดินทางไปญี่ปุ่น ผวาคนติดโควิดพุ่ง-ฉีดวัคซีนแค่ 2%
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เตือนระดับสูงสุดแก่พลเมืองสหรัฐว่าไม่ควรเดินทางไปญี่ปุ่น เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) รายใหม่ในแต่ละวันมีจำนวนสูงขึ้นมา
คำเตือนดังกล่าวอยู่ในระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และใช้คำว่า Do Not Travel หรือ อย่าเดินทาง
การติดเชื้อเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าผู้จัดยืนยันจะจัดต่อไปในวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค. นี้ จากที่เลื่อนมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อกลางปี 2563 ที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กำลังระบาดหนักไปทั่วโลกเป็นระลอกแรก
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้คืบหน้าไม่มาก เพียงแค่ 2% เท่านั้น จากการขาดแคลนบุคลากรแพทย์และกระบอกฉีดยา (ไซรินจ์) และที่ผ่านมากระทรวงสุขภาพ แรงงาน และสวัสดิภาพ ของญี่ปุ่น อนุมัติวัคซีนโรคโควิด-19 จากผู้ผลิตเพียง 2 ราย คือจากโมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า เท่านั้น
สถานการณ์นี้ต่างจากสหรัฐโดยสิ้นเชิง ที่ขณะนี้มีอย่างน้อย 25 รัฐจาก 50 รัฐแล้วที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบโดสเกิน 50%
ไม่ใช่แค่นั้น หลายฝ่ายในญี่ปุ่นก็กำลังกดดันให้เลื่อนหรือยกเลิกการจัดโอลิมปิคออกไปอีกครั้ง อย่างเช่น สมาคมนักปฏิบัติการการแพทย์โตเกียว ที่มีแพทย์เป็นสมาชิกราว 6,000 คน ก็เรียกร้องให้ยกเลิกมหกรรมกีฬาดังกล่าว พร้อมยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนให้ยกเลิก 350,000 รายชื่อ แก่ผู้จัดงาน
ด้านประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารของราคูเท็น บริษัทด้านอีคอมเมิร์ซแถวหน้าของญี่ปุ่น กล่าวว่า การจัดโอลิมปิคท่ามกลางโรคะระบาดจะทำให้เกิด "ปฏิบัติการฆ่าตัวตาย" ขึ้น ความเห็นดังกล่าวถือเป็นคำคัดค้านที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของผู้นำธุรกิจญี่ปุ่น
นอกจากญี่ปุ่นแล้ว สหรัฐยังเตือนพลเมืองตัวเองไม่ให้เดินทางไปยังศรีลังกา อินเดีย เม็กซิโก บราซิล และตุรกี
ส่วนไทยอยู่ในกลุ่มประเทศระดับ 3 ที่สหรัฐแนะนำให้พลเมืองตัดสินใจให้ดีอีกครั้งก่อนเดินทางไป