นิติกรโรงพยาบาล แจ้งความ "เตย ท้องทิพย์" กับพวก ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นิติกรโรงพยาบาล แจ้งความ "เตย ท้องทิพย์" กับพวก ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นิติกรโรงพยาบาล แจ้งความ "เตย ท้องทิพย์" กับพวก ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่สภ. เมืองสุพรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี นายอัฐพล สุนทรวิภาต นิติกรโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช นำเอกสารหลักฐานทั้งซีดีที่บันทึกคลิปวิดีโอ และ ข้อความ แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กและสื่อต่างๆ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.โรจนรุตม์ ดวงสอาด รอง ผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ 8 บุคคล ที่ดูหมิ่นทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหาย

โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ นายเกรียงไกร และนางสาวกรกนก สองสามีภรรยาที่ออกมาระบุว่า โรงพยาบาลทำศพลูกหาย ซึ่งแจ้งความในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามมาตรา 14 ( 1) พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 และความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ

นอกจากนี้ยังแจ้งความ บุคคลอื่นอีก 6 คน คือผู้ที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ดูหมิ่น และทำให้โรงพยาบาลเสียหายและเสื่อมเสีย ซึ่งรวมถึง ลูกชายของเจ้าของโรงงานที่นายเกรียงไกรทำงานอยู่ ที่เป็นคนไปไลฟ์สดเฟซบุ๊ก ในวันที่ทั้งสองสามีภรรยามาที่โรงพยาบาล แต่ต่อมาได้ลบไลฟ์สดดังกล่าวออกไป โดยแจ้งความในข้อหา นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามมาตรา 14 ( 1) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิด ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และมาตรา 328

การแจ้งความครั้งนี้เป็นการแจ้งความในคดีอาญาเท่านั้น ไม่ได้มีการเรียกค่าเสียหาย แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการยอมความอย่างเด็ดขาด เนื่องจากการกระทำของทั้งหมดนี้ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสื่อมเสีย รวมถึงความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนกรณีที่นายเกรียงไกรออกมาระบุว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของภรรยานั้น ก็ให้ไปต่อสู้และพิสูจน์ในชั้นศาล

สำหรับการออกมาแถลงของทั้ง 2 คนเมื่อวานนี้ ไม่มีผลอะไรกับการมาแจ้งความที่จะลดโทษให้ เพราะถือว่าการกระทำผิดและความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทั้งสองคนออกมายอมรับผิด ได้มีการติดต่อไปว่าจะเข้าไปขอขมาโรงพยาบาลในวันนี้ แต่ต่อมาทั้งคู่ได้ขอเลื่อน เนื่องจากให้เหตุผลว่าติดภารกิจ ซึ่งทราบภายหลังว่าทั้งคู่ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าฝากถึงประชาชนว่าขอให้มีสติในการที่จะแสดงความคิดเห็นหรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook