จุฬาราชมนตรี ย้ำฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ขัดหลักศาสนา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต

จุฬาราชมนตรี ย้ำฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ขัดหลักศาสนา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต

จุฬาราชมนตรี ย้ำฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ขัดหลักศาสนา เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(26 พ.ค.64) สำนักจุฬาราชมนตรี ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย (ฟัตวา) จุฬาราชมนตรี เรื่อง การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

โดยมีสาระสำคัญ ด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในขณะนี้ ทุกภาคส่วนของประชาคมโลก ทั้งองค์การอนามัยโลก การสาธารณสุขทุกประเทศทั่วโลก และรวมถึง ประเทศไทย ได้สร้างความตระหนักแก่ประชาชนทุกภาคส่วนในการป้องกันตนเองมิให้ต้องประสบกับโรคดังกล่าว ควบคู่กับการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคนั้น

ดังนั้น การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ในเวลาอันใกล้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของสังคม

ในการนี้ โดยพิจารณาจากบทวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน พบว่า ยังไม่มีข้อมูลใดยืนยัน หรือรับรองว่ามีการปนเปื้อนหรือมีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาของสภาศาสนบัญญัติอิสลามนานาชาติ (International islamic Fiqh Academy) โดยองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation หรือ OIC) เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2563 ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิชาการด้านนิติศาสตร์อิสลามและนักวิชาการด้านการแพทย์ โดยผู้เชี่ยวชาญ ด้านเภสัชวิทยาและเวชศาสตร์ป้องกันว่า วัคซีนที่ใช้ฉีดเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) นั้น ไม่มีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามหลักการศาสนาอิสลาม

และการฉีดวัดซีนเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรค มิได้หมายความว่า ไม่ได้มอบหมายการงานต่าง ๆ ต่ออัลลอฮ์ (ช.บ.) หากแต่เป็นวิธีการป้องกันที่ดำเนินไปพร้อมกับการมอบหมายต่อพระองศ์ และหวังในความเมตตาของพระองค์ที่จะคุ้มครองผู้รับการฉีดวัคซีนและสังคมให้รอดปลอดภัยจากโรค ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคที่ดีกว่าการรักษาหลังจากเป็นโรคแล้ว ดังนั้น จึงถือเป็นภาระความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องมีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติโดยรวมต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook