รัฐบาลจีนอนุญาตมีลูก 3 คนได้ หวังเพิ่มเด็กเกิดใหม่ ชะลอเข้าสังคมสูงอายุ-ขาดแรงงาน

รัฐบาลจีนอนุญาตมีลูก 3 คนได้ หวังเพิ่มเด็กเกิดใหม่ ชะลอเข้าสังคมสูงอายุ-ขาดแรงงาน

รัฐบาลจีนอนุญาตมีลูก 3 คนได้ หวังเพิ่มเด็กเกิดใหม่ ชะลอเข้าสังคมสูงอายุ-ขาดแรงงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานเมื่อวันจันทร์ (31 พ.ค.) ว่ารัฐบาลจีนประกาศให้คู่รักที่แต่งงานกันมีลูกได้มากถึง 3 คน ด้วยความหวังว่าจะเพิ่มจำนวนประชากร เพื่อชะลอการเข้าสู่ภาวะสังคมสูงอายุและการขาดแคลนแรงงาน

การเปลี่ยนแปลงนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โพลิตบูโร) ที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเป็นประธาน

เมื่อปี 2559 รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกนโยบายบุตรเพียงคนเดียว ที่เคยประกาศใช้เพื่อควบคุมประชากรเมื่อนานมาแล้ว และให้มีบุตรได้ 2 คน ถึงอย่างนั้นกลับไม่ประสบความสำเร็จ เพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่หลายแห่งทั่วประเทศ

สำนักข่าวซินหัวระบุว่า "เพื่อปรับปรุงนโยบายการเกิด จีนจะใช้นโยบาย 'คู่สมรสหนึ่งคู่มีลูกได้ 3 คน'"

ไม่ใช่แค่นั้น การรายงานดังกล่าว ยังบอกอีกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะมาพร้อมกับ "มาตรการสนับสนุน ที่จะมีขึ้นเพื่อปรับปรุงโครงสร้างประชากรของประเทศเรา เติมเต็มกลยุทธ์ของประเทศในการรับมือเชิงรุกต่อประชากรที่สูงวัยขึ้นเรื่อยๆ และรักษาข้อได้เปรียบและการมีอยู่ของทรัพยากรมนุษย์"

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรายงานว่ามาตรการสนับสนุนให้คู่สมรสมีบุตรได้มากถึง 3 คนนี้ คืออะไรบ้าง

ขณะเดียวกัน สังคมออนไลน์ของจีนก็ไม่ได้ตอบรับต่อเรื่องนี้มาก เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมองว่าทุกวันนี้การมีลูกเพียงแค่คนเดียวหรือ 2 คน ก็มีค่าใช้จ่ายมากมายอยู่แล้ว

ผู้ใช้เว็บไซต์เวย์ป๋อคนหนึ่งโพสต์ว่า "ฉันเต็มใจจะมีลูกคนที่ 3 ถ้าได้เงิน 5 ล้านหยวน (24.5 ล้านบาท)"

เมื่อช่วงที่ผ่านมาของเดือนนี้ ตัวเลขสำมะโนประชากรจีนระบุว่า ประชากรจีนเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 มาอยู่ที่ประมาณ 1,410 ล้านคน

ส่วนตัวเลขการเจริญพันธุ์ของปี 2563 พบว่าผู้หญิง 1 คนมีบุตร 1.31 คน ใกล้เคียงกับประเทศที่เข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงอายุอื่นๆ อย่าง ญี่ปุ่น และ อิตาลี แล้ว

เมื่อวันจันทร์ (31 พ.ค.) คณะกรรมการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวด้วยว่าจะเริ่มปรับเพดานการเกษียณอายุให้สูงขึ้น แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook