"อัจฉริยะ" สงสารลูกสาว 4 คน อับอายพ่อถูกหมายจับ ร้องสอบตำรวจทำหลักฐานเท็จ

"อัจฉริยะ" สงสารลูกสาว 4 คน อับอายพ่อถูกหมายจับ ร้องสอบตำรวจทำหลักฐานเท็จ

"อัจฉริยะ" สงสารลูกสาว 4 คน อับอายพ่อถูกหมายจับ ร้องสอบตำรวจทำหลักฐานเท็จ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(1 มิ.ย.64) เมื่อเวลา 10.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กับ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีที่พนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ สมุทรปราการ ได้ทำหลักฐานอันเป็นเท็จ ไปยื่นต่อศาลว่าตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แล้วก็บ้านรื้อถอนไปแล้วไม่สามารถส่งหมายได้  

นายอัจฉริยะ ได้กล่าวว่า จากกรณีที่ตนถูกศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ เมื่อวานนี้ โดยพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากตนไม่ได้ไปตามหมายเรียก 2 ครั้ง จึงไปขออนุมัติหมายจับตน ตนขอชี้แจงว่า ข้อหาที่มีการแจ้งตน คือ ดูหมิ่นศาล กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันนี้อยู่ขั้นตอนระหว่างการพิจารณา แต่ตนอยากให้เป็นการทำงานเป็นขบวนการ ในการออกหมายจับตนโดยมิชอบ ตนได้รับหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ไปพบพนักงานคือวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 10.00 น. ให้ไปพบ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ในข้อหาดูหมิ่น ซึ่งยังอีกตั้ง 3 วัน ที่ตนต้องไปพบพนักงานสอบสวน คือ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ นี่คือหมายที่ตนได้รับแล้ว แต่ตนไม่พูดเพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ตนต้องไปพบพนักงานสอบสวน

ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ก็ได้มีการพูดคุยกับตนมาโดยตลอด ตนได้นำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม พ.ต.ท.จักร์พันธ์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม โดยได้ระบุชัดเจนว่าเอกสารฉบับนี้ตนได้รับทราบแล้วและเป็นส่วนหนึ่งของคำให้การ ในการรับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว

ตนอยากเรียนพี่น้องประชาชนว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวตนอยู่มา 28 ปี ซึ่งอยู่ภายในซอยข้าวหมูแดง อันนี้คือบ้านที่ตนอาศัยอยู่ และมีการจ่ายค่าไฟค่าน้ำทุกเดือน สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนตน ก็อยู่ภูมิลำเนานี้ ตามบัตรประชาชน เอกสารของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทุกฉบับ ที่เอามาวันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง จากพันกว่าฉบับ ระบุคือ 182/1 หมู่ 7 ต.สำโรงกลาง รวมถึงหนังสือของศาลอาญา ทุกหน่วยงานที่ส่งมาที่บ้านเลขที่เดียวกัน ตนได้รับทุกฉบับ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือรัฐสภา ประชาชนร้องเรียนมา ทุกฉบับคือตนได้รับหมด นอกจากนี้เอกสารต่างๆ ของหน่วยงานของอัยการสูงสุด ตำรวจภูธร ของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ตนก็ได้รับมาโดยตลอด  

ประเด็นต่อมาศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งคำฟ้อง ส่งหมายมาให้ตนที่ 182/1 หมู่ 7 ตนได้รับคำฟ้องโดยเฉพาะของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลายคดี ตนได้รับทุกฉบับ ไม่ว่าจะเป็นศาลไหนเราก็ได้รับหมด ดังนั้นบ้านเลขที่หลังนี้ยังอยู่ ยังไม่ได้มีการรื้อถอน ตามที่พนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ และ พนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ในการยื่นศาลออกหมายจับตน ซึ่งระบุว่าเขาไม่สามารถส่งหมายให้ตนได้เนื่องจากบ้านถูกรื้อถอนไปแล้ว 

เมื่อวาน พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ได้โทรมาหาตนจากศาลพระนครศรีอยุธยา ว่าศาลไม่อนุมัติออกหมายจับให้ เนื่องจากตนเป็นคนที่มีชื่อเสียง และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และก็สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา และเป็นคนสาธารณะ ตนก็บอกกลับไปว่า ตนทราบแล้วว่า 1.หนังสือที่ตนแจ้งไปขอความเป็นธรรมวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ต.ท.จักร์พันธ์ รับทราบแล้ว 2.หมายเรียกตนได้รับแล้ว 4 มิถุนายน ถึงจะไปพบพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ก็ได้วางสายไป จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่า พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ได้นำหลักฐานอันเป็นเท็จ ไปยื่นต่อศาลว่า ว่าตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แล้วก็บ้านรื้อถอนไปแล้วไม่สามารถส่งหมายได้  

นายสุกิจ พูนศรีเกษม ได้ระบุในหนังสือร้องนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ผู้กำกับพระนครศรีอยุธยา ได้สั่งให้ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ไปสอบเทศบาลสำโรงใต้ ว่าบ้านตนมีหรือไม่ แต่ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ กลับไม่ไปสอบตามที่คำสั่งของของคณะกรรมการ ซึ่งคดีของตนนี้มีคณะกรรมการอยู่ทั้งหมด 10 คน เมื่อ พ.ต.ท.จักร์พันธ์ ถ้าได้สอบเทศบาลสำโรงใต้ ก็จะพบว่าบ้านตนไม่ได้มีการรื้อถอนแต่อย่างใด ยังมีสถานะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยเหมือนเดิม ตามที่มีการทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จกันเกิดขึ้น 

เรื่องนี้ตนอยากจะกราบเรียนประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญาภาค 1 และก็หัวหน้าศาลพระนครศรีอยุธยา ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง สิ่งที่ตนได้รับผลกระทบก็คือ ลูกสาวตน 4 คน อับอายเพื่อนมาก ที่พ่อถูกออกหมายจับ ความรู้สึกของลูกตนคือความเจ็บปวด ที่ตนทำความดีเพื่อสั่งคม มาตลอดเวลา 9-10 ปี แล้ววันตนถูกออกหมายจับโดยถูกกลั่นแกล้ง จากอำนาจรัฐ ก็คืออำนาจพนักงานสอบสวน โดยไม่เป็นธรรม จึงขอความเมตตา จากพี่ๆ สื่อมวลชน ประธานศาลฎีกา อธิบดีศาลอาญาภาค 1 และก็หัวหน้าศาลพระนครศรีอยุธยา ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง 

ปัจจุบันตนไม่มีเฟซบุ๊ก สิ่งที่ทีวีช่องหนึ่งได้นำไปออกอากาศว่าตนท้าทายศาล ตนจะขอเรียนว่าเฟซบุ๊กของชมรม ถูกอำนาจรัฐปิดไปแล้ว พอเราเปิดใหม่ก็ถูกปิด ตนเลยตัดสินใจปิดชมรมเลย 

ด้าน พล.ต.ต.ชุมพล  พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า  ในวันนี้คุณอัจฉริยะ ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ เกี่ยวกับเรื่องการส่งหมาย ซึ่งเป็นหมายเรียกของพนักงานสอบสวนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมีการรายงานว่าไม่พบบ้านตามที่ระบุ ซึ่งในข้อเท็จจริงทางตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ก็จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่ามีพนักงานสอบสวนหรือมีผู้ใดที่มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบหรือมีความบกพร่องอย่างไรหรือไม่ ก็จะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดสมุทรปราการหรือไม่ ถ้าเกิดเป็นความบกพร่องก็คงจะต้องมีมาตรการลงทัณฑ์ต่อไป 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook