แถลงข่าวคดีหลานฆ่าโบกปูนลุงแท้ๆ เผยนาทีสังหารโหด พร้อมเปิด 3 ปมแค้น
ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับผู้ต้องหาฆ่าโบกปูนที่จ.สระบุรี พร้อมคุมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวรับแค้นไม่ได้รับค่าแรง-ประสงค์ทรัพย์สินของผู้ตาย
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมผู้เกี่ยวข้องแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาฆ่าโบกปูนที่ จ.สระบุรี ระบุว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ผ่านศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.เมืองสระบุรี ว่ามีผู้พบกองปูนซีเมนต์โบกปิดทับคล้ายรูปคน และมีกลิ่นเน่าเหม็น อยู่ในห้องนอน ภายในบ้านไม่ทราบเลขที่ หมู่ 9 ต.หนองปลาไหล อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดสระบุรี และแพทย์เวรรพ.สระบุรี ได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ พบ นายคงฤทธิ์ อายุ 29 ปี (ลูกเขยผู้ตาย) และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูสระบุรียืนรออยู่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว
จากนั้นเจ้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดสระบุรี ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานแวดล้อมภายในห้องนอน และบริเวณโดยรอบที่เกิดดังกล่าว และได้ตรวจพิสูจน์กองปูนซีเมนต์โบกปิดทับคล้ายรูปคน พบศพผู้เสียชีวิต เพศชาย ลักษณะเน่าเปื่อย ทราบชื่อนามสกุลจริงภายหลัง คือนายไพโรจน์ อายุ 55 ปี ถูกปูนซีเมนต์โบกปิดทับอยู่ในห้องนอน ภายในบ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯได้ออกสืบสวนติดตามทันทีและได้นำตัวพยานและผู้ต้องสงสัยมาซักถามปากคำ ต่อมาสืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้ คือ นายอานุภาพ อายุ 29 ปี (เป็นหลานผู้ตาย) เป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้ติดตามตัว นายอานุภาพ และพบพยานหลักฐาน ที่ใช้ในการก่อเหตุและทรัพย์สินที่เชื่อว่ามาจากการกระทำความผิด จึงได้ทำการจับกุมตัว
แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย และลักทรัพย์ของผู้อื่น” และแจ้งสิทธิตามกฎหมาย พร้อมดำเนินการติดตามตรวจยึดของกลาง เช่นไม้ที่ใช้ก่อเหตุ,ถุงปูนซีเมนต์,สมุดบัญชีธนาคาร, สร้อยคอทองคำขนาด1บาทและรถยนต์ เบื้องต้นพบทรัพย์สินบางส่วนเป็นของผู้ตาย
จากการสอบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อประมาณเดือน พ.ย.63 นายอานุภาพ กับ นายไพโรจน์ (ผู้ตาย) ได้ร่วมกันทำงานรับเหมาก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ เดือน ม.ค.64 ต่อมาเมื่อประมาณเดือน มี.ค.64 นายอานุภาพ ได้ทวงถามเงินค่าจ้างส่วนที่ตนเองจะได้รับ กับนายไพโรจน์ เป็นเงินจำนวน 30,000 บาท 3 ครั้ง แต่นายไพโรจน์บ่ายเบี่ยง ไม่ให้เงินส่วนนี้ ต่อมาเดือน เม.ย.64 นายอานุภาพ ได้ทวงถามค่าจ้างอีก 4 ครั้ง แต่ผู้ตาย ก็บ่ายเบี่ยงเช่นเคย
ขณะเกิดเหตุ นายอานุภาพ ให้การยอมรับว่าเมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 เวลาประมาณ 06.30 น. นายอานุภาพ ได้เข้าไปพบผู้ตายที่บ้านที่เกิดเหตุดังกล่าว จากนั้นได้หยิบไม้ 1 ท่อน เส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 6 ซม. ความยาวประมาณ 80 ซม. ซึ่งวางอยู่บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวติดมือเข้าไปภายในบ้าน
จากนั้นตนเองได้เปิดประตูบ้านและประตูห้องนอนของผู้ตาย พบผู้ตายตื่นและลุกขึ้นนั่งบนที่นอน ตนเองจึงได้ใช้ไม้ท่อน ที่ถือมาตีเข้าไปบริเวณศีรษะ ของนายไพโรจน์ 1 ครั้ง เมื่อนายอานุภาพเห็นว่าผู้ตายสลบล้มลงบนที่นอนจึงได้ ตีซ้ำเข้าไปบริเวณลำคออีก 1 ครั้ง จนกระทั้งแน่ใจว่า นายไพโรจน์เสียชีวิตแล้ว จึงได้ล็อกห้องนอนและหลบหนีออกมา
หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 นายอานุภาพ ได้ไปซื้อปูนซีเมนต์ จากร้านวัสดุภัณฑ์ใกล้เคียงที่เกิดเหตุจำนวน 2 ถุง และนำมาผสมที่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อปิดทับอำพรางศพนายไพโรจน์ จากนั้นได้กลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ จนกระทั่งวันที่ 7 มิ.ย.64 นายอานุภาพ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม
ซึ่งผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพตลอด ทุกข้อกล่าวหาโดยมีมูลเหตุจูงใจคือ 1.ผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์สินของผู้ตาย เนื่องจากต้องนำเงินไปชำระหนี้หลังจัดงานแต่ง (แต่ง 18 เม.ย. 64) 2.ผู้ตายค้างค่าแรงจากการรับเหมาก่อสร้างร่วมกัน เมื่อติดตามทวงถามผู้ตายไม่จ่ายค่าแรงและบ่ายเบี่ยง 3.ความแค้นส่วนตัวเนื่องจากผู้ตายมักใช้คำพูดรุนแรงกับผู้ต้องหา